วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Henri Matisse


มาติส(Henri Matisse)

            อองรี มาตีส หรือ เฮนรี่ มาตีส เป็นจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศสในศตวรรษนี้ เริ่มแรกเขาตั้งใจเรียน กฎหมาย เมื่ออายุ 20 ปี ขณะพักฟื้นจากการเจ็บป่วย เขาได้ตัดสินใจที่จะเป็นจิตรกร มาตีสยกย่องงานของพวกอิมเพรสชั่นนิสต์ อย่างมาก แต่ก็ไดรับอิทธิพลจากพวกโพสต์อิมเพรสชั่นนิสต์ด้วยเหมือนกัน รวมทั้งเซซานด้วย เขาเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มจิตรกร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม เลส์โฟ หรือสัตว์ป่า เนื่องจากแบบแผนของคนพวกนี้เป็นที่รู้สึกกันในขณะนั้นว่าหยาบกระด้าง
                  มาตีสเดินทาง ท่องเที่ยวไปรอบโลกหลายปี และในป๊ ค.ศ. 1917 เขาก็ได้ตั้งหลักแหล่งในทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เขาได้ออกแบบวิหารให้คณะ แม่ชี โดมินิกัน ที่แวนซ์ และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1951 เขายังได้เขียนภาพฝาฝนังขนาดใหญ่ เต็มกำแพงวิหารนั้นด้วย.

Jeanne d'Arc วีรสตรี แม่มด และนักบุญ




Jeanne d'Arc (1412 - 1431)
Jehanne Darc หรือJoan of Arc
ในบรรดาสตรีที่เหลือชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์โลกนั้น คงจะไม่เป็นที่ปฏิเสธว่าชื่อของแจนน์ ดาร์คคงจะเป็นที่จดจำ ทั้งในฐานะนักบุญของศาสนาคริสต์ และในฐานะวีรสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ฝรั่งเศสเคยมีมา ชีวิตของเธอผกผันราวกับละครเรื่องยาว....จากสาวชาวบ้านไปเป็นวีรสตรี จากวีรสตรีไปเป็นแม่มด และจากแม่มดไปเป็นนักบุญ จนทุกวันนี้ เรื่องราวของแจนน์ ดาร์คก็ยังมีอิทธิพลต่อเมเดียต่างๆมากมาย ซึ่งไม่จำกัดอยู่เฉพาะในฝรั่งเศสเท่านั้น
คุณ meekun ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีเควส


บ้านเกิดของแจนน์ ดาร์ค ปัจจุบันเป็นพิพิทธพันธ์

โดยบันทึกของศาลฟื้นฟูคดีของแจนน์ ดาร์ค (ที่ถูกคือ Jehanne Darc ส่วนJeanne d'Arc เป็นคำสะกดที่เปลี่ยนแปลงในยุคหลัง) เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 1421 ที่หมู่บ้านดอมเรมี่ ในแคว้นลอร์เรน ประเทศฝรั่งเศส เป็นบุตรของแจ็ค ดาร์ค และอิซาเบล โรเม่
นอร์มังดี (พื้นที่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส) ในยามนั้นถูกยึดครองโดยอังกฤษ และหลังจากที่พระเจ้าชาร์ลสที่ 6 ทรงสวรรคตไปเมื่อปี 1422 บังลังค์ฝรั่งเศสก็ว่างเปล่ามาตลอด พระเจ้าชาร์ลสที่ 6 ทรงมีเจ้าชายรัชทายาทคือเจ้าฟ้าชายชาร์ลส (พระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ในภายหลัง) ก็จริง แต่เนื่องจากการลงนามใน Treaty of Troyesเพื่อยุติสงครามร้อยปีและสงครามอกินคอร์ทระหว่างพระเจ้าชาร์ลสที่ 6 และพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 สิทธิ์ในบังลังค์ฝรั่งเศสจึงตกอยู่กับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 (สนธิสัญญากล่าวว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 จะแต่งงานกับแคทเธอรีนซึ่งเป็นบุตรสาวของพระเจ้าชาร์ลสที่ 6 แล้วลูกของทั้งสองจะเป็นผู้สืบทอดบังลังค์ของทั้งสองประเทศ) ซึ่งทำให้สิทธิ์ในบังลังค์ถูกแย่งไปจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส และมีขุนนางฝรั่งเศสจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงนี้

* สงครามในเวลาดังกล่าวถูกพูดถึงว่าเป็นสงครามระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ในความจริง เวลานั้นยังไม่มีการก่อตั้งประเทศอย่างเป็นทางการจะอย่างไรก็ดี ราชวงศ์อังกฤษในเวลาดังกล่าวก็มีต้นกำเนิดในสายมารดามาจากฝรั่งเศสเช่นกัน จึงกล่าวได้ว่าพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ก็มีสิทธิ์ในบังลังค์ฝรั่งเศสด้วย หากเกี่ยวกับข้อนี้ ขึ้นอยู่กับว่าประเทศดังกล่าวยึดหลักว่าสิทธิ์ที่ถูกถ่ายทอดไปจะมีผลต่อบุตรชายสายตรงเท่านั้น หรือจะยินยอมรับบุตรที่เกิดจากบุตรสาวซึ่งแต่งงานไปยังตระกูลอื่นด้วย แน่นอนว่าฝ่ายพระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ย่อมเป็นพวกแรก

ฤดูร้อนปี 1452 แจนน์ได้ยิน"เสียง"ของเซนต์แคทรีน เซนต์ไมเคิ่ล และเซนต์มาร์กาเร็ต บอกให้เธอไปพบกับเคาทน์โรเบิร์ต เดอ บาว์ดริคอร์ท เพื่อทำการปลดปล่อยลอร์เรนและช่วยฝรั่งเศส
เดือนพฤษภาคม 1428 แจนน์เดินทางไปพบกับเคาทน์บาว์ดริคอร์ท หากก็ถูกปฏิเสธการเข้าพบ จนกระทั่งกุมภาพันธ์ปี 1429 เคาทน์บาว์ดริคอร์ทจึงยอมพบกับเธอ เขามอบเสื้อผ้าผู้ชาย ม้าและผู้ติดตาม 6 คนให้กับแจนน์และส่งเธอไปหาเจ้าฟ้าชายชาร์ลสที่จีน่อน


หนึ่งในเอกสารหายากที่เหลืออยู่ ลายเซ็นต์ของแจนน์
เห็นได้ว่าเธอเขียน n เป็น m เนื่องจากเธออ่านเขียนไม่ได้

ในยามนั้น แคว้นลอร์เรนเป็นดินแดนของฝ่ายชาร์ลสที่ถูกล้อมโดยดินแดนของฝ่ายศัตรู แจนน์ที่เดินทางไปพบเจ้าฟ้าชายชาร์ลสจะต้องเดินทางกว่า 600 กิโลเมตรผ่านกลางกองทัพศัตรูเพื่อจะไปให้ถึงจีน่อน ซึ่งโดยความช่วยเหลือของผู้ส่งสารของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส แจนน์ผ่านอุปสรรคแรงนี้ได้ด้วยเวลาเพียง 11 วัน กล่าวกันว่า โดยปราศจากความช่วยเหลือของผู้ส่งสารดังกล่าวนี้แล้ว คงเป็นการยากที่แจนน์จะไปถึงจีน่อนได้

เจ้าฟ้าชายชาร์ลสที่รอแจนน์อยู่นั้นทรงนึกสนุกเล่นเกมขึ้นมา พระองค์แต่งตัวให้ไม่สมฐานะแล้วยืนปะปนอยู่ในหมู่คนสนิท หากแจนน์ก็หาพระองค์พบแทบในทันที่ที่เธอมาถึง ทั้งสองได้คุยกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งกล่าวกันว่าแจนน์ได้บอกถึงความลับ* ซึ่งยืนยันสิทธิ์ในราชบังลังค์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสตามที่ได้ยินมาจาก"เสียง" เจ้าฟ้าชายชาร์ลสจึงเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ส่งเธอมาจริง คนของโบสถ์ซึ่ในครั้งแรกยังสงสัยในตัวแจนน์อยู่ หลังจากการตัดสินกว่า 3 วันที่พอยติเออร์ พวกเขาก็ยอมรับเธอในที่สุด
* แจนน์ปฏิเสธที่จะบอกคนอื่นว่าความลับดังกล่าวคืออะไรกระทั่งระหว่างการพิพากษาลงโทษในภายหลัง แม้แต่ในปัจจุบัน ความลับดังกล่าวก็ยังคงเป็นความลับอยู่

เมษายน 1429 แจนน์มุ่งไปยังออร์ลีนส์ซึ่งถูกอังกฤษล้อมอยู่ โดยมีจีน เดอลีนส์, ราอีลและ กิลส์ เดอ เรยส์เป็นเพื่อนร่วมรบ แจนน์ต่อสู้กับกองทัพอังกฤษด้วยความห้าวหาญ ระหว่างการต่อสู้นี้ แจนน์ถูกยิงด้วยธนูที่ไหล่ซ้าย บาดแผลไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่เธอก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตระหนก กล่าวกันว่าที่เรื่องราวของแจนน์เป็นที่ประทับใจมาจนทุกวันนี้นั้น อยู่ที่เหตุผลว่าแต่เดิมเธอเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อประเทศนี่เอง แจนน์หลีกเลี่ยงที่จะฆ่าคน เธอจึงมักจะถือธงนำทัพแล้วบุกนำทหารเข้าต่อสู้พร้อมกับร้องตะโกนเพื่อปลุกขวัญกำลังใจพวกพ้อง และด้วยการที่แจนน์กระทำหน้าที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายด้วยตนเองนี่เองที่ทำให้ทหารสามารถต่อสู้ด้วยความกล้าหาญและปลดปล่อยออร์ลีนส์เป็นอิสระในอีก 7 เดือนให้หลัง


รูปของแจนน์ที่เครแมน เดอ โฟแกนเบิร์ก วาดเล่นในเอกสารเมื่อปี 1429
วาดโดยจับลักษณะเด่นของแจนน์ได้ดีมาก

แจนน์ยืนกรานว่าพิธีราชาภิเษกของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสจะต้องจัดขึ้นที่เรมส์ เนื่องจากพระเจ้าคลอวิสที่ 1 ซึ่งเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์ฝรั่งเศสได้รับศีลล้างบาปที่เรมส์ และกษัตริย์ของฝรั่งเศสแต่ละองค์ต่างก็ประกอบพิธีที่นี่ เพื่อที่จะประกาศสิทธิ์อันถูกต้องของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ไม่ว่าเช่นไรก็ต้องจัดพิธีขึ้นที่เรมส์ให้ได้

การจะไปยังเรมส์นั้น ต้องมีการปะทะกับกองทัพอังกฤษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สุดท้ายข้อเสนอของแจนน์ก็ได้รับการยอมรับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลสมุ่งหน้าไปยังเรมส์ ระหว่างการเดินทางก็รับเอาหัวเมืองต่างๆที่เข้ามาสวามิภักษ์ไว้ในปกครอง และในวันที่ 17 กรกฎาคม 1429 ก็ทรงขึ้นครองราชเป็นพระเจ้าชาร์ลสที่ 7 กษัตริย์โดยถูกต้องของฝรั่งเศสในที่สุด
หากในพิธีราชาภิเษก มีคนของฝ่ายเบอร์กันดีซึ่งเป็นศัตรูถูกเชิญมาด้วย ขุนนางของพระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ได้เตรียมวางแผนการปกครองใหม่ไว้แล้ว มาถึงตอนนี้ กองกำลังของแจนน์ก็ค่อยๆกลายมาเป็นก้างขวางคอสำหรับฝ่ายเคาทน์อาลังซอนซึ่งยึดหลักการทหารในการปลดปล่อยฝรั่งเศสเสียแล้ว

แจนน์ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวในราชวัง เธอมีความเห็นว่าควรที่จะชิงปารีสกลับมาเพื่อเป็นฐานอันมั่นคงให้กับพระเจ้าชาร์ลส หากขุนนางส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและพอใจต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ผลทำให้แจนน์ต้องออกรบโดยไม่มีการช่วยเหลือที่เป็นรูปร่างจากกลุ่มขุนนาง

23 พฤษภาคม 1430 แจนน์ถูกจับโดยฟิลิปป์ที่ 3 ที่แคว้นเบอร์กันดีและหลังจากนั้นถูกส่งมอบตัวให้กับกองทัพอังกฤษ วันที่ 24 ธันวาคมปีเดียวกัน เธอถูกนำตัวไปคุมขังที่รูน
21 กุมภาพันธ์ 1431 การสอบสวนคนนอกรีตเริ่มขึ้นโดยมีชอง ลู เมย์ทอสเป็นประธาน หากเมย์ทอสกังขาในความเที่ยงธรรมของการสอบสวนนี้จึงแทบไม่ได้ปรากฏตัวในศาลเลย แม้แต่ในการตัดสินอย่างเป็นทางการ เขาก็ปิดปากเงียบตลอดเวลา บิชอปแชง ปิแอร์ โคชอง พร้อมกับผู้เกี่ยวข้องกับโบสถ์จำนวนกว่า 60 คนจึงเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนแทน



30 พฤษภาคม คณะสืบสวนประกาศว่าแจนน์เป็นคนนอกรีตและขับไล่เธอจากการเป็นคริสเตียน และตัดสินให้แจนน์ถูกลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็นโดยกองทัพอังกฤษ
อย่างเคยกล่าวไว้ในเอนทรี่ของ"กิลส์ เดอ เรยส์"แล้วว่าโทษเผาทั้งเป็นนั้นเป็นการลงโทษที่จัดว่าทารุณทั้งต่อร่างกายและจิตใจเป็นที่สุดในยามนั้น นอกจากนี้ เถ้าศพของแจนน์ยังถูกโปรยลงแม่น้ำเซนเพื่อให้ร่างของเธอไม่สามารถกลับสู่ดินเพื่อวันแห่งการพิพากษาได้ นับได้ว่าโทษที่แจนน์ได้รับนั้นเป็นโทษสาหัสอย่างที่สุดสำหรับชาวคริสต์ในสมัยนั้นทีเดียว

หลังการตายของแจนน์ อิซาเบล โรเม่ ผู้เป็นแม่ของเธอได้ย้ายไปอยู่ที่ออร์ลีนส์หลังจากที่สามีเสียชีวิต และใช้ชีวิตบั้นปลายทั้งหมดของตนในการยืนยันความบริสุทธิ์ของแจนน์และเพื่อให้โบสถ์ยอมรับแจนน์กลับมาเป็นคริสตศาสนิกชนอีกครั้ง ศาลยอมรับให้คำตัดสินที่รูนเป็นโมฆะในปี 1456และอีกเพียง 2 ปีหลังจากนั้น อิซาเบลก็ลาจากโลกนี้ไป

18 เมษายน 1909 พระสันตปาปาปิโอที่ 10 ประกาศให้แจนน์ ดาร์คเป็นบุญราศี และในวันที่ 16 พฤษภาคม 1920 พระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 15 ก็ยกเธอขึ้นเป็นนักบุญในที่สุด

Charles de Gaulle


ยอดมนุษย์
dergo.jpg (6977 bytes)

เดอโกลล์ (Charles de Gaulle) 

               ในปี ค.ศ.1940 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่2 ฝรั่งเศสได้ยอมจำนนต่อนาซีเยอรมัน ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ นายทหารผู้ใหญ่ของกองทัพฝรั่งเศสได้ปฎิเสธการยอมแพ้ เขาได้จัดตั้งและเป็นผู้นำกองกำลัง ฝรั่งเศสเสรี ดำเนินการสงครามต่อไป
              หลังสงคราม นายพล เดอ โกลล์ เดินทางกลับฝรั่งเศสในฐานะวีรบุรุษแห่งชาติ เขาได้รับตำแหน่งประมุขรัฐบาลใหม่และเป็นผู้น้ำกองทัพต่างๆ และลาออกในปี ค.ศ. 1946
              ปี ค.ศ. 1958 เดอโกลล์ ได้คืนสู่อำนาจ ในฐานะประธานาธิบดี แห่งสาธารณฝรั่งเศส ตราบจนการลาออกของเขาในปี ค.ศ.1969 เขาได้ปฎิบัติการมายมาย เพื่อเร่งความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความภาคภูมิในชาติขึ้นในฝรั่งเศส เขาประนีประนอมกับแอลจีเรีย โดยยอมให้อิสระภาพ ในปี ค.ศ. 1962 และในป๊ ค.ศ. 1963 ได้คัดค้านการสมัครเข้าร่วม องค์การตลาดร่วมของอังกฤษ.

les jours particuliers du calendrier Français

แม้ว่าฝรั่งเศสจะเป็นรัฐฆราวาส แต่วันสำคัญต่าง ๆ กลับเกี่ยวข้องกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่ อาจด้วยเหตุบังเอิญว่าวันต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งถือว่าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
ทางศาสนาคริสต์ 

วันขึ้นปีใหม่ (Jour de l’an) 1 มกราคม วันนักขัตฤกษ์ ตรงกับวันแรก 
ของปีตามตารางปฎิทินสากล ในประเทศฝรั่งเศสวันขึ้นปีใหม่ 
10 มกราคมนี้เริ่มกำหนดใช้ในปี ค.ศ. 1564 และ วันที่ 31 ธันวาคมถือว่าเป็นการฉลองคืนส่งท้าย 
ปีเก่าเพื่อต้อนรับขึ้นวันปีใหม่ด้วย ในวันขึ้นปีใหม่นี้ ถือเป็นโอกาสที่จะให้ของขวัญ (เงิน) กับเด็ก ๆ 

เอพิพานี (Epiphanie) เทศกาลของชาวคริสเตียน ในโบสถ์ละติน เป็นการฉลองการมาเยี่ยม 
พระเยซูของ Rois mages โดยธรรมเนียม มีการทานขนมหวาน เค้ก (รูปทรงมงกุฎในทางตอนใต้) 
หรือ กาแลตดูครัว (ทางเหนือของฝรั่งเศส) จัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม 

ชองเดอเลอ (Chandeleur) 2 กุมภาพันธุ์ วันทางศาสนาของชาวคริสเตียน แรกเริ่มมาจาก 
เทศกาลแสงไฟ ในปี ค.ศ. 472 เทศกาลนี้ได้กลายเป็นการเฉลิมฉลองการเป็นตัวแทนของ 
พระเยซูภายในโบสถ์ตามธรรมเนียมมีการทำขนมเครป แล้วโยนขึ้นกลับด้านโดยกำเงินไว้ในมือ 
อีกข้างเพื่อถือเป็นการนำโชคดีมาสู่ตัวผู้โยน 

มาร์ดี-กรา (Mardi-gras) เทศกาลของชาวคาทอลิก เมื่อวันสิ้นสุด 7 วันหลังเทศกาลงานรื่นเริง (ซึ่งผ่านมื้ออาหารกันมาตลอดสัปดาห์) วันนี้กำหนดขึ้น 47 วันก่อนเทศกาลอีสเตอร์ และเป็นการ 
เริ่มต้นของกาเรม (เทศกาลถือศีลอด) สัญลักษณ์ของเทศกาลนี้คืองานกานาวาล (ซึ่งมีความหมายถึงการเอาเนิ้อออก หรือการเริ่มต้นการถือศีล) ตามธรรมเนียมต้องการให้ชาวบ้านแต่งตัวหลากหลายในวันนั้น (ในทุกวันนี้กลายเป็นเด็ก ๆ ) ในบางหมู่บ้านมีการเผาตุ๊กตากานาวาลในวันงานด้วย 

Mercredi des Cendres เทศกาลของชาวคาทอลิก เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นเทศกาลถือศีลอด เป็นสัญลักษณ์ให้เตือนถึงการตาย 

อาทิตย์แรกของเทศกาลศีลอด (1er dimanche de Carême) ไม่มีกิจกรรมใด ๆ พิเศษ 

พฤหัสบดีกลางเทศกาลศีลอด (Jeudi de la Mi-cerême) เป็นสัญลักษณ์ครึ่งนึงของช่วง 
เทศกาลถือศีลอดที่มี 40 วัน(โดยไม่นับวันอาทิตย์) ตรงกับวันพฤหัสบดีของอาทิตย์ที่ 3 ของตลอดระยะเวลาเทศกาลถือศีล เป็นการพักของช่วงการถือศีล ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยฉลองกันนัก 

Dimanche des Rameaux รำลึกการเดินทางถึงนครเยรูซาเลมของพระเยซู และความรักของ 
พระเยซุคริสต์และการเสียชีวิตบนไม้กางเขน 

วันอาทิตย์อีสเตอร์ (Dimanche de Pâques) 3 วันหลังจากวันสิ้นชีพของพระเยซุ พระเยซูได้ 
ฟิ้นคืนชีพ เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันสำคัญที่สุดของปฎิทินชาวคริสต์ เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นสุด
ของเทศกาลถือศีลอด วันอีสเตอร์สอดคล้องกับวันอาทิตย์แรกต่อจากวันพระจันทร์เต็มดวง
ในฤดูใบไม้ผลิ ชาวคริสต์ต้องหยุดงานเพือ่ไปสวดมิซซา ในวันนี้พระสันตปะปาจะประทานพรในฝรั่งเศสตามธรรมเนียมทำการมอบไข่ (ชอกโกแลต) หรือของประดับธรรมเนียมอิ่น ๆเกี่ยวกับอาหาร 
: ทานแกะ 

วันจันทร์อีสเตอร์ (Lundi de Pâque) ในยุคกลางตลอดสัปดาห์หลังเทศการอีสเตอร์เป็นสัปดาห์นักขัตฤกษ์ ในปัจจุบันเหลือลงเพียงวันจันทร์ และไม่ใช่งานฉลองที่เคยทำอย่างสม่ำเสมอ ในกรณีของฝรั่งเศสไม่มีการฉลองเป็นพิเศษ 

วันนำสาร (Annonciation) 25 มีนาคม ตามศาสนาคริสต์ เทวดากาเบรียล นำสารมาบอก
มารีถึงการตั้งครรภ์พระเยซู 9 เดือนก่อนวันคริสต์มาสถือได้ว่าเป็นวันจุติของพระเยซู 

วันรำลึกการถูกคุมตัว(Souvenir déportés) เป็นวันระลึกถึง 150000 ฝรั่งเศสที่ถูกนำตัวไป
เข้าค่ายกักกันของนาซี ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 วันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายนวันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายน 

วันแรงงาน ( Fête du travail) 1 พฤาภาคม เป็นธรรมเนียมของผู้ใช้แรงงานในการต่อสู้ที่มีอยู่ทั่วโลก ในประเทศส่วนใหญ่จัดเป็นวันหยุดประจำปี ประเทศฝรั่งเศสเริ่มต้นในปี 1919 และในปี 1947 เป็นวันหยุดเต็มวันโดยได้รับค่าแรงด้วย ในวันนี้สหภาพแรงงานต่าง ๆ จะเดินขบวนกันตามเมือง
ต่าง ๆ ของประเทศ และมีการมอบช่อดอกมูเก้ด้วย 

วันกลับคืนสู่สวรรค์ (Jeudi de l’Ascension) เป็นการฉลอง 39 วันหลังจากเทศกาลอีสเตอร์ 
หลังจากลงมาเผยแพร่คำสอน พระเยซุก็ได้เสด็จกลับขึ้นสวรรค์์ 

วันฉลองชัยชนะ (Victoire 1945) ชัยชนะทีมีต่อเยอรมันในยุคการครอบครองโดยทหารนาซี 
สันติภาพได้กลับคืนสู่ทวีปยุโรป โดยสัญญาสงบศึกที่ทำขึ้นในวันที 8 พฤษภาคม 1945 เวลา
ประมาณเที่ยงคืน โดยมีนายพลโซเวียต Jpukov ฝ่ายนาซี Keitel ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และนายพล de Lattre ของฝรั่งเศส เป็นวันนักขัตฤกษ์ตั้งแต่ปี 1953 แต่ได้ถูกยกเลิกไปในสมัย V.Giscard d’Estaing และได้กลับมากำหนดใหม่ในยุคของ F.Mitterrand 1 มิถุนายน 1981 

วันอาทิตย์ปงโตโค๊ต (Dimanche de Pentecôte) เป็นวันเทศกาลของชาวคริสต์ กำหนดขึ้น
7 อาทิตย์หลังเทศกาลอีสเตอร์ เพื่อรำลึกถึงวิญญาณศักด์สิทธิ์ที่ลงมาจาก... 

ทรินิเต้ (Trinité) วันเทศกาลของชาวคริสต์ อาทิตย์ที่ 8 หลังจากเทศกาลอีสเตอร์ ปัจจุบันไม่ค่อยมีการเฉลิมฉลองมากนัก ในศาสนาคริสต์ ทรินิเต้เป็นการกล่าวถึงพระเจ้าใน 3 บุคคล พระบิดา บุตร และพระจิต 

วันพระเจ้า (Fête Dieu) ฉลองในวันพฤหัสบดีถัดจากวันทรินิเต้ (หรืออาจวันอาทิตย์ขึ้นอยู่กับ
ทางปฎิบัติ) ฉลองถึงความเสียสละของพระคริสต์ โดยมีการแบ่งขนมปัง 

วันแม่ (Fête des mères)กำหนดเป็นทางการในปี 1928 กำหนดไว้ในวันอาทิตย์สุดท้ายของ
เดือนพฤษภาคม (หรือกรณีพิเศษเลื่อ่นไปในเดือนมิถุนายนหากชนกับปงโดโค๊ต) ในปัจจุบัน 
กลายเป็นการค้าและเป็นวันที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ 

วันพ่อ (Fête des pères) เช่นเดียวกับวันแม่ แต่มีกำหนดขึ้นเป็นทางการในปี 1952 

วันชาติ (Fête Nationale) รำลึกถึงวันแห่งการปฎิวัติของฝรั่งเศส 1789 โดยเฉพาะการทำลาย
คุกบาสตีล ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1978 คุกบาสตีลเป็นคุกสำคัญของปารีส และเป็นสัญลักษณ์
ของอำนาจกษัตริย์ ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1789 ชาวกรุงปารีสได้ทำการเผาและเข้ายึดคุก 
การเข้ายึดคุกบาสตีลนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศส 

วันอัสสัมซิยง (Assomption) 15 สิงหาคม วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกที่ทำการฉลองใน
การที่พระแม่มารีขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เป็นวันสำคัญกลางฤดูร้อนมีการ........ 

Croix glorieuse 14 กันยายน กำหนดโดยจักรพรรคดิ์กองสตองแตง ในปี ค.ศ. 335 ในปัจจุบันมีการฉลองในวันนี้ไม่มากนัก 

ตุสแซง (Toussaint) 1 พฤศจิกายน วันทางศาสนาของชาวคาทอลิก ในการเฉลิมฉลองให้กับทุกนักบุญโดยโบสถ์โรมัน ในวันนี้ได้กลายเป็นวันเยี่ยมหลุมฝังศพ เพือ่วางดอกไม้กับผู้เสียชีวิตไปแล้ว และดอกคริสซองแตม 

เดฟัน (Défunts) 2 พฤศจิกายน ในฝรั่งเศสรวมกันกับวันหยุดตุสแซง 

วันสิ้นสุดสงคราวโลกครั้งที่ 1 (Armistice 1918) 11 พฤศจิกายน 1918 รำลึกถึงการสิ้นสุด
สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีการเซ็นสัญญายุติสงครามมที่ Rethondes ป่า Compiège (Oise) 

Christ Roi วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกอาทิตย์สุดท้ายของปี 5 อาทิตย์ก่อนคริสต์มาส Avent ช่วงเวลาหลังจากคริสต์มาส ระหว่าง 3-4 สัปดาห์ 

คริสต์มาส (Noël) เป็นเทศกาลการเกิดของพระเยซูคริสต์ มีการกำหนดขึ้นในปี ค.ศ. 354 
โดยสันตปะปา Libère มีการประดับตกแต่งในวันที่ 24 ธันวาคมตอนเย็น ด้วยต้นสน คอกเด็ก 
ของขวัญ และทานอาหรระหว่างครอบครัว เทศกาลนี้ยังกลายเป็นสัญสักษณ์การทำค้าขาย 
อย่างมหาศาล 

วันครอบครัว (Saint famille) ต่อจากคริสต์มาส (อาทิตย์หรือศุกร์ถัดไปหากวันคริสต์มาส 
ตรงกับวันอาทิตย์)เป็นการสร้างครอบครัวโดยเยซูและมีบุพการีคือ มารีและโยเซพ