วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

“อยู่กับก๋ง”


  “อยู่กับก๋ง” หยก  บูรพา  แต่งราวปี พ.ศ.๒๕๑๙  เนื้อเรื่องเป็นภาพชีวิตย้อนหลังไปเมื่อประมาณยี่สิบกว่าปี  ผู้แต่งได้เขียนจากประสบการณ์จริงด้วยวิธีให้ตัวเอกของเรื่อง คือ เด็กผู้ชายชื่อหยก  เล่าถึงชีวิตวัยเยาว์ที่อยู่กับก๋งชาวจีนผู้อพยพจากผืนแผ่นดินบ้านเกิดมาอยู่ในประเทศไทย
          “อยู่กับก๋ง” เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทยสมัยเริ่มแรก  ความสัมพันธ์ระหว่างคนจีนกับคนไทย  ชีวิตชาวห้องแถวในชนบท  นอกจากนั้นผู้แต่งได้พยายามสอดใส่ทัศนคติต่อชีวิต สังคม วัฒนธรรมการดำเนินชีวิตและอาชีพของคนจีนที่ออกจากแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนมาด้วยความหวังว่าอนาคตจะต้องดีกว่าอดีตและปัจจุบัน
          ชีวิตก๋งบนผืนแผ่นดินไทยเป็นชีวิตของคนธรรมดาสามัญที่จากแผ่นดินบ้านเกิดมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร  ก๋งทำงานเลี้ยงชีพตนเองและผู้อื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างจริงจัง  เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนบ้าน  เกรงกลัวและรักษากฎหมายบ้านเมืองไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและกฎแห่งกรรมตามคติความเชื่อแห่งจีนเก่า  และที่สำคัญก๋งมีความเข้าใจในความเป็นไทย  รักคนไทย  บำเพ็ญตนเยี่ยงพลเมืองดีตลอดชีวิตอันยากไร้  เทิดทูลองค์พระมหากษัตริย์ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ก๋งได้พยายามถ่ายทอดความสำนึกดังกล่าวให้แก่หยกหลานชายคนเดียวของก๋งและคนอื่นๆ  ตามโอกาสอันควร  ขณะเดียวกันก๋งก็สงวนสิ่งที่ดีงามอันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศบ้านเกิดเมืองนอน เพราะก๋งเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีงามและไม่ขัดกับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่ก๋งมาอยู่  และหยกจึงเป็นตัวแทนของเด็กชาวจีนที่เกิดในเมืองไทย  เมื่อได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้มีคุณธรรมเช่นก๋ง  หยกจึงเป็นตัวแทนของเด็กไทยเชื้อสายจีนที่ความสำนึกอย่างแน่นแฟ้นว่าเป็นคนไทย
          “ฉันเก็บเครื่องนอนอย่างเรียบร้อยทุกครั้ง  เพราะก๋งพร่ำสอนฉันว่าสิ่งเหล่านี้มีคุณค่าต่อชีวิตของเราหมอนเป็นที่รองหัวซึ่งเป็นของสูงสุดในร่างกาย  เสื่อเป็นเครื่องรองให้เราพ้นจากความสกปรกของธุลีดิน  ผ้าห่มให้ความอบอุ่นและมุ้งกันเราให้พ้นจากการรบกวนของสัตว์ประเภทเลื้อยคลานและแมลง”
          “คนที่ไม่เป็นระเบียบชีวิตจะยุ่งเหยิง  คนที่ไม่รักความสะอาดจะหาความสดชื่นแจ่มใสไม่ได้  และคนที่ไม่รักความสุจริตชีวิตจะมีมลทิน”
          “ไม่ต้องอายที่เป็นคนจน  แต่ควรอายที่เป็นคนเลว  เพราะความจน ความรวยเราเลือกไม่ได้  แต่ความดีความเลวเราเลือกทำ  เลือกเว้นได้”
          “เด็กห้องแถวกลางตลาดอย่างฉัน   ก็ต้องหัดทำงานได้สารพัดอย่าง  ไม่ว่างานหนักหรืองานเบา  มันเป็นความจำเป็นโดยมีความจนเป็นนายคอยชี้นิ้วบัญชา  ความดิ้นรนเป็นมือที่คอยผลักดัน ความเพียรเป็นพี่เลี้ยงคอยพยุงไม่ให้ระทดท้อ...”
“คนที่ร่ำรวยแล้วยังไม่ยอมหยุดนิ่งละเว้นการสะสม  แล้วคนจนๆอย่างเราจะอยู่เฉยๆได้อย่างไร...”
“เทพเจ้าแห่งโชคดีไม่เคยเอื้อมมือมาแตะหน้าผากอวยชัยคนเกียจคร้านเลย”
          “ก๋งเพียรสอนให้ฉันยอมรับความเป็นจริงของชีวิต  มีความมั่นใจในตัวเองและเข้มแข็งต่อการบุกบั่นเพื่อความอยู่รอด  ข้อคิดพื้นๆของก๋งทำให้ฉันเข้าใจฐานะที่แท้จริงของตนเอง  ทำให้ฉันเป็นสุขได้ในความขัดสนจนยากและไม่ท้อแท้”
          “คนที่เขารวยได้น่ะเพราะเขามีโอกาสและมีความสามารถไม่ใช่ดวงดีแล้วจะร่ำรวยได้  ก่อนจะสร้างตัวได้สำเร็จเขาจะต้องผ่านการทำงานหนักมาแล้วด้วย  รู้จักหาเงิน  รู้จักเก็บออม  รู้จักคิดหาช่องทางต่อทุน  ฐานะของเขาจึงเป็นปึกแผ่นขึ้นมาได้  ไม่มีใครโชคดีถึงกับนอนขี้เกียจข้างถนนแล้วเทวดาจะโยนถุงเงินลงมาให้ถึงหน้าตัก”
          “เขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับเราก็ตามใจเขา  แต่อย่าโกรธหรือเกลียดชังเขา  ในโรงเรียนและในตลาดเรายังหาเพื่อนที่จะคบเราอย่างจริงใจได้อีกมากมายขอให้เราเป็นคนดีเท่านั้น”
          “ปัจจุบันและอนาคตของบางครอบครัวก็คาดคะเนได้ไม่ยากเลย    เพียงแต่มองให้ลึกลงไปในตะกร้ากับข้าวที่เขาจ่ายตลาดมาเท่านั้นก็พอจะเห็นลางได้”
          “ความยากจนเป็นดาบสองคมให้เราเลือกพลิกใช้  คมหนึ่งมันสอนให้เราเจียมตัว  รู้จักประมาณตนแต่อีกคมหนึ่งของมันสั่งให้เราทะเยอทะยานหาญเหิม  สุดแต่เราจะเลือกอยู่ในอำนาจบงการของคมใด”
          “ความจริงของคนๆ หนึ่งไม่ใช่ความจริงของคนทั้งหมด”
          “คนที่มีวิชาติดตัวยากนักที่จะอับจน  แพ้คนยาก  และไม่เสียเปรียบใครด้วย  ถ้าไม่มีวิชาติดตัวเลยจะทำงานสูงๆ  อะไรก็ไม่ได้ต้องเป็นคนหาเช้ากินค่ำ  ติดอยู่กับดินกับทรายตลอดชีวิต  พยายามเรียนไปเถอะหยก  หมดสมองที่จะเรียนเมื่อไรค่อยหยุด”
          “ฉันไม่เคยริษยาใครก็เพราะได้เรียนรู้จากก๋งว่า  คนเราเมือเกิดมาต่างสิ่งแวดล้อม  ต่างโอกาสและฐานะ  องค์ประกอบของชีวิตก็ต้องแผกกันออกไป”
          “สิ่งที่เห็นเมื่อวานหรือวันนี้  พอถึงพรุ่งนี้มันก็จะเปลี่ยนไปเพียงแต่ช้าหรือเร็ว  เพียงบางส่วนหรือโดยสิ้นเชิงเท่านั้นเอง  ไม่มีใครเหนี่ยวรั้งความเปลี่ยนแปลงไว้ได้หรอก”
          “เกิดเป็นคนทั้งทีต้องให้มีคนรัก  คนที่มีแต่ศัตรูหรือมีแต่คนชิงชังรังเกียจจะหาความสุขไม่ได้หรอกในชีวิตเขา  เพราะจะถูกสาปแช่งถูกปองร้ายอยู่ตลอดเวลา  ตัวเองก็มีความหวาดระแวงไม่สบายใจ  ผิดกับคนดีที่ได้รับคำยกย่องสรรเสริญซึ่งเป็นเหมือนปุ๋ยที่ทำให้ชีวิตเจริญงอกงามยิ่งๆขึ้น”
          “เราจะเพียงแต่รักและเคารพอยู่ในใจไม่ได้  ไม่พอ  เราต้องหาโอกาสตอบแทนด้วยตามกำลังฐานะของเรา”
          “ในตลาดของเราแห่งนี้มีชีวิต  ชีวิตที่ผกผันยิ่งกว่านิยาย  และชีวิตที่ราบเรียบ  จืดชืดเสียจนไม่มีใครจดจำนำไปเล่าสืบทอดให้ฟังต่อๆกันไปอีก  แต่มันก็เป็นชีวิตที่คนเราแต่ละคนต้องประสบพบพานอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงให้พ้นได้  จะมีก็แต่เพียงว่า  ใครจะโชคดีหรือโชคร้ายบนเวทีแห่งนิยายชีวิตเท่านั้น”

รางวัลโนเบล


รางวัลโนเบล (สวีเดนNobelprisetอังกฤษNobel Prize) เป็นรางวัลประจำปีระดับนานาชาติ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการสแกนดิเนเวีย พิจารณาผลงานวิจัยหรือสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่น หรือสร้างคุณประโยชน์ให้กับมนุษยชาติ ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ตามเจตจำนงของอัลเฟรด โนเบล นักเคมีชาวสวีเดน ผู้ประดิษฐ์ไดนาไมท์โดยก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1895 แต่การมอบรางวัลในสาขาฟิสิกส์ สาขาเคมี สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ สาขาวรรณกรรม และสาขาสันติภาพ เริ่มมอบรางวัลครั้งแรกในปี ค.ศ. 1901
การมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจัดขึ้นที่เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ส่วนสาขาอื่นๆ จัดที่เมืองสต๊อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลในแต่ละสาขานั้นถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดในสาขาวิชาชีพนั้นๆ[1]
การมอบรางวัลโนเบลจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 10 ธันวาคม โดยผู้พระราชทานคือ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรสวีเดน ถึงแม้ว่าบางปีรางวัลบางสาขาอาจไม่มีการตัดสิน แต่มีข้อกำหนดว่าระยะการเว้นการมอบรางวัลต้องไม่เกิน 5 ปี สำหรับผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเหรียญรางวัลโนเบล ใบประกาศเกียรติคุณ เงินรางวัลประมาณ 10 ล้านโคร์นหรือประมาณ 44 ล้านบาท

ประวัติ

รางวัลโนเบลเป็นความตั้งใจก่อนเสียชีวิตของ อัลเฟรด โนเบล (Alfred Nobel) นักเคมีชาวสวีเดน ผู้คิดค้นระเบิดไดนาไมต์ ซึ่งรู้สึกเสียใจจากการที่ระเบิดของเขาถูกนำไปใช้ในการคร่าชีวิตมนุษย์ เขาจึงมอบ 94% ของทรัพย์สินมาให้เป็นเงินทุนในรางวัลโนเบล 5 สาขา (เคมี, การแพทย์, วรรณกรรม, สันติภาพ และฟิสิกส์)
สำหรับสาขาเศรษฐศาสตร์นั้น ได้เพิ่มเข้ามาเมื่อ พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) โดยธนาคารแห่งชาติสวีเดน โดยชื่ออย่างเป็นทางการคือ Bank of Sweden Prize in Economic Sciences in Memory of Alfred Nobel(รางวัลธนาคารกลางสวีเดน สาขาเศรษฐศาสตร์ ในความทรงจำถึง อัลเฟรด โนเบล) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Nobel Memorial Prize in Economics โดยผู้ตัดสินรางวัลคือ Royal Swedish Academy of Sciences. เนื่องจากรางวัลนี้ไม่ได้อยู่ในความตั้งใจก่อนเสียชีวิตของ อัลเฟรด โนเบล ดังนั้นจึงไม่ได้รับเงินรางวัลจากมูลนิธิโนเบล แต่ได้รับเงินจากธนาคารกลางสวีเดน อย่างไรก็ตาม รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์มีศักดิ์และสิทธิ์เท่ากับรางวัลในสาขาอื่น ๆ การมอบรางวัลนี้ ก็จะมอบในวันเดียวกันกับรางวัลโนเบลสาขาอื่น โดยมีกษัตริย์สวีเดนเป็นผู้มอบตั้งแต่ปี 1902 เป็นต้นมา ได้รับเหรียญตรา และจำนวนเงินเท่าเทียมกัน ซึ่งในตอนแรกนั้นกษัตริย์ออสการ์ที่ 2 แห่งสวีเดนทรงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการมอบรางวัลที่สำคัญสูงสุดระดับประเทศนี้ให้กับคนต่างชาติ แต่สุดท้ายพระองค์ก็ทรงเปลี่ยนพระทัยเนื่องจากทรงเล็งเห็นว่ารางวัลที่สำคัญนี้จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
เหรียญรางวัลโนเบล สำหรับสาขาฟิสิกส์, เคมี, สรีรวิทยา (หรือแพทยศาสตร์) , และ วรรณกรรม

รางวัลซีไรต์




รางวัลซีไรต์ (อังกฤษS.E.A. Write) มีชื่อเต็มว่า รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (อังกฤษSoutheast Asian Writers Award) เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2522 เป็นรางวัลประจำปีที่มอบให้แก่กวีและนักเขียนใน 10 ประเทศรัฐสมาชิกแห่งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน
โดยงานเขียนที่ได้รับรางวัลเป็นผลงานที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง และมีงานเขียนหลากหลายรูปแบบที่ได้รับรางวัล อย่างเช่น กวีนิพนธ์ เรื่องสั้น นวนิยาย ละครเวที คติชนวิทยารวมไปถึงงานเขียนด้านสารคดีและงานเขียนทางด้านศาสนา พิธีจะถูกจัดขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเป็นประธานในพิธี
นับตั้งแต่มีการก่อตั้งรางวัลซีไรต์ขึ้น สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงประกอบด้วยรัฐสมาชิกเพียง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย ต่อมา ในปี พ.ศ. 2527 บรูไนได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามเข้าร่วมในปี พ.ศ. 2538 ลาวและพม่าเข้าร่วมในปี พ.ศ. 2540 และกัมพูชาเข้าร่วมหลังสุดในปี พ.ศ. 2542

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ต้นกำเนิดวันแม่



วันแม่นั้นถูกกำหนดขึ้นโดยชาวอเมริกัน โดยผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ก็คือ แอนนา เอ็ม จาร์วิส คุณครูในรัฐฟิลาเดลเฟีย เธอได้ใช้เวลาเรียกร้องถึง 2 ปี จนประสบความสำเร็จใน ค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) ในสมัยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
วันสำคัญสำหรับเดือนพฤษภาคมของอเมริกาอีกวันหนึ่งคือวันแม่ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Mother's Day ในแต่ละปีวันจะไม่ตรงกันเนื่องจากถือเอาวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ในการกำหนดวัน วันแม่ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม
ไม่ว่าประเทศไหนๆ ต่างก็มีวันที่จะให้ลูกแสดงความรักต่อผู้ให้กำเนิด ในวันแม่เด็กๆ ชาวอเมริกันจะแสดงความรักต่อแม่โดยซื้อของขวัญมอบให้ หรือเด็กเล็กๆ จะถูกปลูกฝังให้ทำอะไรพิเศษๆ ให้กับแม่ในวันนี้ อาจจะเป็นการเสริฟ์อาหารเช้าถึงที่นอน เพราะพวกเขาจะตื่นแต่เช้ามาทำเองกับมือ ชาวอเมริกันมักนิยมพาแม่ออกไปทานอาหารนอกบ้านหรือให้แม่เป็นผู้เลือกว่าจะทำกิจกรรมอะไรในวันนี้ เนื่องในวันพิเศษเช่นนี้ทำให้ร้านอาหารต่างๆ แน่นขนัด ถือเป็นวันที่ร้านอาหารขายดีที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ นอกจากกิจการร้านอาหารที่ทำให้เศรษฐกิจคล่องตัวแล้ว ร้านขายดอกไม้ การ์ดอวยพรและของขวัญอื่นๆ ที่ต่างก็มีโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกๆ ได้จับจ่ายซื้อของขวัญที่วิเศษสุดมอบให้แก่คุณแม่ รวมไปถึงโทรศัพท์ทางไกลก็ดีไปด้วยเพราะลูกๆ ที่ต้องไปทำงานต่างรัฐและไม่สามารถกลับบ้านได้เนื่องด้วยภาระกิจก็จะโทรหาแม่แทน
วันแม่ประเทศอเมริกา เริ่มมีมาเมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว ในปี ค.ศ. 1908 Anna Jarvis เริ่มจัดให้มีการเฉลิมฉลองวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรกที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย และเธอผู้นี้พยายามเสนอแนวคิดนี้ให้เป็นจริงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากในสมัยนั้นก็ตาม ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ผู้ชายยังคงมีสิทธิและบทบาทเหนือกว่าผู้หญิงมาก จนกระทั่งในปี 1914 ประธานาธิบดี วู้ดโรว วิลสัน ได้กำหนดให้วันแม่เป็นวันหยุดแห่งชาติเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว : ประตูการค้าอาเซียน


thai-loas
         สะพานมิตรภาพไทย-ลาว สะพานข้ามแม่น้ำโขงขนาดใหญ่แห่งแรก เป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว ให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งในปัจจุบันมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แล้ว 3 แห่ง คือ
        สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งแรก เชื่อมต่อเทศบาลหนองคายเข้ากับบ้านท่านาแล้ง นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เปิดใช้เมื่อปี 2537 
        สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เชื่อมต่อจังหวัดมุกดาหารกับแขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเศรษฐกิจตะวันตกและตะวันออก เริ่มจากพม่า ไทย ลาว และสิ้นสุดที่เวียดนาม เปิดใช้เมื่อปี 2550 
        สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) เชื่อมต่อจังหวัดนครพนมกับแขวงคำม่วน ประเทศลาว เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างไทย ลาว เวียดนามและภาคใต้ของจีน เปิดใช้เมื่อปี 2554

คำขวัญกรุงเทพมหานคร

กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Henri Matisse


มาติส(Henri Matisse)

            อองรี มาตีส หรือ เฮนรี่ มาตีส เป็นจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศสในศตวรรษนี้ เริ่มแรกเขาตั้งใจเรียน กฎหมาย เมื่ออายุ 20 ปี ขณะพักฟื้นจากการเจ็บป่วย เขาได้ตัดสินใจที่จะเป็นจิตรกร มาตีสยกย่องงานของพวกอิมเพรสชั่นนิสต์ อย่างมาก แต่ก็ไดรับอิทธิพลจากพวกโพสต์อิมเพรสชั่นนิสต์ด้วยเหมือนกัน รวมทั้งเซซานด้วย เขาเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มจิตรกร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม เลส์โฟ หรือสัตว์ป่า เนื่องจากแบบแผนของคนพวกนี้เป็นที่รู้สึกกันในขณะนั้นว่าหยาบกระด้าง
                  มาตีสเดินทาง ท่องเที่ยวไปรอบโลกหลายปี และในป๊ ค.ศ. 1917 เขาก็ได้ตั้งหลักแหล่งในทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เขาได้ออกแบบวิหารให้คณะ แม่ชี โดมินิกัน ที่แวนซ์ และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1951 เขายังได้เขียนภาพฝาฝนังขนาดใหญ่ เต็มกำแพงวิหารนั้นด้วย.

Jeanne d'Arc วีรสตรี แม่มด และนักบุญ




Jeanne d'Arc (1412 - 1431)
Jehanne Darc หรือJoan of Arc
ในบรรดาสตรีที่เหลือชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์โลกนั้น คงจะไม่เป็นที่ปฏิเสธว่าชื่อของแจนน์ ดาร์คคงจะเป็นที่จดจำ ทั้งในฐานะนักบุญของศาสนาคริสต์ และในฐานะวีรสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ฝรั่งเศสเคยมีมา ชีวิตของเธอผกผันราวกับละครเรื่องยาว....จากสาวชาวบ้านไปเป็นวีรสตรี จากวีรสตรีไปเป็นแม่มด และจากแม่มดไปเป็นนักบุญ จนทุกวันนี้ เรื่องราวของแจนน์ ดาร์คก็ยังมีอิทธิพลต่อเมเดียต่างๆมากมาย ซึ่งไม่จำกัดอยู่เฉพาะในฝรั่งเศสเท่านั้น
คุณ meekun ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีเควส


บ้านเกิดของแจนน์ ดาร์ค ปัจจุบันเป็นพิพิทธพันธ์

โดยบันทึกของศาลฟื้นฟูคดีของแจนน์ ดาร์ค (ที่ถูกคือ Jehanne Darc ส่วนJeanne d'Arc เป็นคำสะกดที่เปลี่ยนแปลงในยุคหลัง) เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 1421 ที่หมู่บ้านดอมเรมี่ ในแคว้นลอร์เรน ประเทศฝรั่งเศส เป็นบุตรของแจ็ค ดาร์ค และอิซาเบล โรเม่
นอร์มังดี (พื้นที่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส) ในยามนั้นถูกยึดครองโดยอังกฤษ และหลังจากที่พระเจ้าชาร์ลสที่ 6 ทรงสวรรคตไปเมื่อปี 1422 บังลังค์ฝรั่งเศสก็ว่างเปล่ามาตลอด พระเจ้าชาร์ลสที่ 6 ทรงมีเจ้าชายรัชทายาทคือเจ้าฟ้าชายชาร์ลส (พระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ในภายหลัง) ก็จริง แต่เนื่องจากการลงนามใน Treaty of Troyesเพื่อยุติสงครามร้อยปีและสงครามอกินคอร์ทระหว่างพระเจ้าชาร์ลสที่ 6 และพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 สิทธิ์ในบังลังค์ฝรั่งเศสจึงตกอยู่กับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 (สนธิสัญญากล่าวว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 จะแต่งงานกับแคทเธอรีนซึ่งเป็นบุตรสาวของพระเจ้าชาร์ลสที่ 6 แล้วลูกของทั้งสองจะเป็นผู้สืบทอดบังลังค์ของทั้งสองประเทศ) ซึ่งทำให้สิทธิ์ในบังลังค์ถูกแย่งไปจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส และมีขุนนางฝรั่งเศสจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงนี้

* สงครามในเวลาดังกล่าวถูกพูดถึงว่าเป็นสงครามระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ในความจริง เวลานั้นยังไม่มีการก่อตั้งประเทศอย่างเป็นทางการจะอย่างไรก็ดี ราชวงศ์อังกฤษในเวลาดังกล่าวก็มีต้นกำเนิดในสายมารดามาจากฝรั่งเศสเช่นกัน จึงกล่าวได้ว่าพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ก็มีสิทธิ์ในบังลังค์ฝรั่งเศสด้วย หากเกี่ยวกับข้อนี้ ขึ้นอยู่กับว่าประเทศดังกล่าวยึดหลักว่าสิทธิ์ที่ถูกถ่ายทอดไปจะมีผลต่อบุตรชายสายตรงเท่านั้น หรือจะยินยอมรับบุตรที่เกิดจากบุตรสาวซึ่งแต่งงานไปยังตระกูลอื่นด้วย แน่นอนว่าฝ่ายพระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ย่อมเป็นพวกแรก

ฤดูร้อนปี 1452 แจนน์ได้ยิน"เสียง"ของเซนต์แคทรีน เซนต์ไมเคิ่ล และเซนต์มาร์กาเร็ต บอกให้เธอไปพบกับเคาทน์โรเบิร์ต เดอ บาว์ดริคอร์ท เพื่อทำการปลดปล่อยลอร์เรนและช่วยฝรั่งเศส
เดือนพฤษภาคม 1428 แจนน์เดินทางไปพบกับเคาทน์บาว์ดริคอร์ท หากก็ถูกปฏิเสธการเข้าพบ จนกระทั่งกุมภาพันธ์ปี 1429 เคาทน์บาว์ดริคอร์ทจึงยอมพบกับเธอ เขามอบเสื้อผ้าผู้ชาย ม้าและผู้ติดตาม 6 คนให้กับแจนน์และส่งเธอไปหาเจ้าฟ้าชายชาร์ลสที่จีน่อน


หนึ่งในเอกสารหายากที่เหลืออยู่ ลายเซ็นต์ของแจนน์
เห็นได้ว่าเธอเขียน n เป็น m เนื่องจากเธออ่านเขียนไม่ได้

ในยามนั้น แคว้นลอร์เรนเป็นดินแดนของฝ่ายชาร์ลสที่ถูกล้อมโดยดินแดนของฝ่ายศัตรู แจนน์ที่เดินทางไปพบเจ้าฟ้าชายชาร์ลสจะต้องเดินทางกว่า 600 กิโลเมตรผ่านกลางกองทัพศัตรูเพื่อจะไปให้ถึงจีน่อน ซึ่งโดยความช่วยเหลือของผู้ส่งสารของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส แจนน์ผ่านอุปสรรคแรงนี้ได้ด้วยเวลาเพียง 11 วัน กล่าวกันว่า โดยปราศจากความช่วยเหลือของผู้ส่งสารดังกล่าวนี้แล้ว คงเป็นการยากที่แจนน์จะไปถึงจีน่อนได้

เจ้าฟ้าชายชาร์ลสที่รอแจนน์อยู่นั้นทรงนึกสนุกเล่นเกมขึ้นมา พระองค์แต่งตัวให้ไม่สมฐานะแล้วยืนปะปนอยู่ในหมู่คนสนิท หากแจนน์ก็หาพระองค์พบแทบในทันที่ที่เธอมาถึง ทั้งสองได้คุยกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งกล่าวกันว่าแจนน์ได้บอกถึงความลับ* ซึ่งยืนยันสิทธิ์ในราชบังลังค์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสตามที่ได้ยินมาจาก"เสียง" เจ้าฟ้าชายชาร์ลสจึงเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ส่งเธอมาจริง คนของโบสถ์ซึ่ในครั้งแรกยังสงสัยในตัวแจนน์อยู่ หลังจากการตัดสินกว่า 3 วันที่พอยติเออร์ พวกเขาก็ยอมรับเธอในที่สุด
* แจนน์ปฏิเสธที่จะบอกคนอื่นว่าความลับดังกล่าวคืออะไรกระทั่งระหว่างการพิพากษาลงโทษในภายหลัง แม้แต่ในปัจจุบัน ความลับดังกล่าวก็ยังคงเป็นความลับอยู่

เมษายน 1429 แจนน์มุ่งไปยังออร์ลีนส์ซึ่งถูกอังกฤษล้อมอยู่ โดยมีจีน เดอลีนส์, ราอีลและ กิลส์ เดอ เรยส์เป็นเพื่อนร่วมรบ แจนน์ต่อสู้กับกองทัพอังกฤษด้วยความห้าวหาญ ระหว่างการต่อสู้นี้ แจนน์ถูกยิงด้วยธนูที่ไหล่ซ้าย บาดแผลไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่เธอก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตระหนก กล่าวกันว่าที่เรื่องราวของแจนน์เป็นที่ประทับใจมาจนทุกวันนี้นั้น อยู่ที่เหตุผลว่าแต่เดิมเธอเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อประเทศนี่เอง แจนน์หลีกเลี่ยงที่จะฆ่าคน เธอจึงมักจะถือธงนำทัพแล้วบุกนำทหารเข้าต่อสู้พร้อมกับร้องตะโกนเพื่อปลุกขวัญกำลังใจพวกพ้อง และด้วยการที่แจนน์กระทำหน้าที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายด้วยตนเองนี่เองที่ทำให้ทหารสามารถต่อสู้ด้วยความกล้าหาญและปลดปล่อยออร์ลีนส์เป็นอิสระในอีก 7 เดือนให้หลัง


รูปของแจนน์ที่เครแมน เดอ โฟแกนเบิร์ก วาดเล่นในเอกสารเมื่อปี 1429
วาดโดยจับลักษณะเด่นของแจนน์ได้ดีมาก

แจนน์ยืนกรานว่าพิธีราชาภิเษกของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสจะต้องจัดขึ้นที่เรมส์ เนื่องจากพระเจ้าคลอวิสที่ 1 ซึ่งเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์ฝรั่งเศสได้รับศีลล้างบาปที่เรมส์ และกษัตริย์ของฝรั่งเศสแต่ละองค์ต่างก็ประกอบพิธีที่นี่ เพื่อที่จะประกาศสิทธิ์อันถูกต้องของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ไม่ว่าเช่นไรก็ต้องจัดพิธีขึ้นที่เรมส์ให้ได้

การจะไปยังเรมส์นั้น ต้องมีการปะทะกับกองทัพอังกฤษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สุดท้ายข้อเสนอของแจนน์ก็ได้รับการยอมรับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลสมุ่งหน้าไปยังเรมส์ ระหว่างการเดินทางก็รับเอาหัวเมืองต่างๆที่เข้ามาสวามิภักษ์ไว้ในปกครอง และในวันที่ 17 กรกฎาคม 1429 ก็ทรงขึ้นครองราชเป็นพระเจ้าชาร์ลสที่ 7 กษัตริย์โดยถูกต้องของฝรั่งเศสในที่สุด
หากในพิธีราชาภิเษก มีคนของฝ่ายเบอร์กันดีซึ่งเป็นศัตรูถูกเชิญมาด้วย ขุนนางของพระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ได้เตรียมวางแผนการปกครองใหม่ไว้แล้ว มาถึงตอนนี้ กองกำลังของแจนน์ก็ค่อยๆกลายมาเป็นก้างขวางคอสำหรับฝ่ายเคาทน์อาลังซอนซึ่งยึดหลักการทหารในการปลดปล่อยฝรั่งเศสเสียแล้ว

แจนน์ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวในราชวัง เธอมีความเห็นว่าควรที่จะชิงปารีสกลับมาเพื่อเป็นฐานอันมั่นคงให้กับพระเจ้าชาร์ลส หากขุนนางส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและพอใจต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ผลทำให้แจนน์ต้องออกรบโดยไม่มีการช่วยเหลือที่เป็นรูปร่างจากกลุ่มขุนนาง

23 พฤษภาคม 1430 แจนน์ถูกจับโดยฟิลิปป์ที่ 3 ที่แคว้นเบอร์กันดีและหลังจากนั้นถูกส่งมอบตัวให้กับกองทัพอังกฤษ วันที่ 24 ธันวาคมปีเดียวกัน เธอถูกนำตัวไปคุมขังที่รูน
21 กุมภาพันธ์ 1431 การสอบสวนคนนอกรีตเริ่มขึ้นโดยมีชอง ลู เมย์ทอสเป็นประธาน หากเมย์ทอสกังขาในความเที่ยงธรรมของการสอบสวนนี้จึงแทบไม่ได้ปรากฏตัวในศาลเลย แม้แต่ในการตัดสินอย่างเป็นทางการ เขาก็ปิดปากเงียบตลอดเวลา บิชอปแชง ปิแอร์ โคชอง พร้อมกับผู้เกี่ยวข้องกับโบสถ์จำนวนกว่า 60 คนจึงเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนแทน



30 พฤษภาคม คณะสืบสวนประกาศว่าแจนน์เป็นคนนอกรีตและขับไล่เธอจากการเป็นคริสเตียน และตัดสินให้แจนน์ถูกลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็นโดยกองทัพอังกฤษ
อย่างเคยกล่าวไว้ในเอนทรี่ของ"กิลส์ เดอ เรยส์"แล้วว่าโทษเผาทั้งเป็นนั้นเป็นการลงโทษที่จัดว่าทารุณทั้งต่อร่างกายและจิตใจเป็นที่สุดในยามนั้น นอกจากนี้ เถ้าศพของแจนน์ยังถูกโปรยลงแม่น้ำเซนเพื่อให้ร่างของเธอไม่สามารถกลับสู่ดินเพื่อวันแห่งการพิพากษาได้ นับได้ว่าโทษที่แจนน์ได้รับนั้นเป็นโทษสาหัสอย่างที่สุดสำหรับชาวคริสต์ในสมัยนั้นทีเดียว

หลังการตายของแจนน์ อิซาเบล โรเม่ ผู้เป็นแม่ของเธอได้ย้ายไปอยู่ที่ออร์ลีนส์หลังจากที่สามีเสียชีวิต และใช้ชีวิตบั้นปลายทั้งหมดของตนในการยืนยันความบริสุทธิ์ของแจนน์และเพื่อให้โบสถ์ยอมรับแจนน์กลับมาเป็นคริสตศาสนิกชนอีกครั้ง ศาลยอมรับให้คำตัดสินที่รูนเป็นโมฆะในปี 1456และอีกเพียง 2 ปีหลังจากนั้น อิซาเบลก็ลาจากโลกนี้ไป

18 เมษายน 1909 พระสันตปาปาปิโอที่ 10 ประกาศให้แจนน์ ดาร์คเป็นบุญราศี และในวันที่ 16 พฤษภาคม 1920 พระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 15 ก็ยกเธอขึ้นเป็นนักบุญในที่สุด

Charles de Gaulle


ยอดมนุษย์
dergo.jpg (6977 bytes)

เดอโกลล์ (Charles de Gaulle) 

               ในปี ค.ศ.1940 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่2 ฝรั่งเศสได้ยอมจำนนต่อนาซีเยอรมัน ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ นายทหารผู้ใหญ่ของกองทัพฝรั่งเศสได้ปฎิเสธการยอมแพ้ เขาได้จัดตั้งและเป็นผู้นำกองกำลัง ฝรั่งเศสเสรี ดำเนินการสงครามต่อไป
              หลังสงคราม นายพล เดอ โกลล์ เดินทางกลับฝรั่งเศสในฐานะวีรบุรุษแห่งชาติ เขาได้รับตำแหน่งประมุขรัฐบาลใหม่และเป็นผู้น้ำกองทัพต่างๆ และลาออกในปี ค.ศ. 1946
              ปี ค.ศ. 1958 เดอโกลล์ ได้คืนสู่อำนาจ ในฐานะประธานาธิบดี แห่งสาธารณฝรั่งเศส ตราบจนการลาออกของเขาในปี ค.ศ.1969 เขาได้ปฎิบัติการมายมาย เพื่อเร่งความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความภาคภูมิในชาติขึ้นในฝรั่งเศส เขาประนีประนอมกับแอลจีเรีย โดยยอมให้อิสระภาพ ในปี ค.ศ. 1962 และในป๊ ค.ศ. 1963 ได้คัดค้านการสมัครเข้าร่วม องค์การตลาดร่วมของอังกฤษ.

les jours particuliers du calendrier Français

แม้ว่าฝรั่งเศสจะเป็นรัฐฆราวาส แต่วันสำคัญต่าง ๆ กลับเกี่ยวข้องกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่ อาจด้วยเหตุบังเอิญว่าวันต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งถือว่าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
ทางศาสนาคริสต์ 

วันขึ้นปีใหม่ (Jour de l’an) 1 มกราคม วันนักขัตฤกษ์ ตรงกับวันแรก 
ของปีตามตารางปฎิทินสากล ในประเทศฝรั่งเศสวันขึ้นปีใหม่ 
10 มกราคมนี้เริ่มกำหนดใช้ในปี ค.ศ. 1564 และ วันที่ 31 ธันวาคมถือว่าเป็นการฉลองคืนส่งท้าย 
ปีเก่าเพื่อต้อนรับขึ้นวันปีใหม่ด้วย ในวันขึ้นปีใหม่นี้ ถือเป็นโอกาสที่จะให้ของขวัญ (เงิน) กับเด็ก ๆ 

เอพิพานี (Epiphanie) เทศกาลของชาวคริสเตียน ในโบสถ์ละติน เป็นการฉลองการมาเยี่ยม 
พระเยซูของ Rois mages โดยธรรมเนียม มีการทานขนมหวาน เค้ก (รูปทรงมงกุฎในทางตอนใต้) 
หรือ กาแลตดูครัว (ทางเหนือของฝรั่งเศส) จัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม 

ชองเดอเลอ (Chandeleur) 2 กุมภาพันธุ์ วันทางศาสนาของชาวคริสเตียน แรกเริ่มมาจาก 
เทศกาลแสงไฟ ในปี ค.ศ. 472 เทศกาลนี้ได้กลายเป็นการเฉลิมฉลองการเป็นตัวแทนของ 
พระเยซูภายในโบสถ์ตามธรรมเนียมมีการทำขนมเครป แล้วโยนขึ้นกลับด้านโดยกำเงินไว้ในมือ 
อีกข้างเพื่อถือเป็นการนำโชคดีมาสู่ตัวผู้โยน 

มาร์ดี-กรา (Mardi-gras) เทศกาลของชาวคาทอลิก เมื่อวันสิ้นสุด 7 วันหลังเทศกาลงานรื่นเริง (ซึ่งผ่านมื้ออาหารกันมาตลอดสัปดาห์) วันนี้กำหนดขึ้น 47 วันก่อนเทศกาลอีสเตอร์ และเป็นการ 
เริ่มต้นของกาเรม (เทศกาลถือศีลอด) สัญลักษณ์ของเทศกาลนี้คืองานกานาวาล (ซึ่งมีความหมายถึงการเอาเนิ้อออก หรือการเริ่มต้นการถือศีล) ตามธรรมเนียมต้องการให้ชาวบ้านแต่งตัวหลากหลายในวันนั้น (ในทุกวันนี้กลายเป็นเด็ก ๆ ) ในบางหมู่บ้านมีการเผาตุ๊กตากานาวาลในวันงานด้วย 

Mercredi des Cendres เทศกาลของชาวคาทอลิก เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นเทศกาลถือศีลอด เป็นสัญลักษณ์ให้เตือนถึงการตาย 

อาทิตย์แรกของเทศกาลศีลอด (1er dimanche de Carême) ไม่มีกิจกรรมใด ๆ พิเศษ 

พฤหัสบดีกลางเทศกาลศีลอด (Jeudi de la Mi-cerême) เป็นสัญลักษณ์ครึ่งนึงของช่วง 
เทศกาลถือศีลอดที่มี 40 วัน(โดยไม่นับวันอาทิตย์) ตรงกับวันพฤหัสบดีของอาทิตย์ที่ 3 ของตลอดระยะเวลาเทศกาลถือศีล เป็นการพักของช่วงการถือศีล ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยฉลองกันนัก 

Dimanche des Rameaux รำลึกการเดินทางถึงนครเยรูซาเลมของพระเยซู และความรักของ 
พระเยซุคริสต์และการเสียชีวิตบนไม้กางเขน 

วันอาทิตย์อีสเตอร์ (Dimanche de Pâques) 3 วันหลังจากวันสิ้นชีพของพระเยซุ พระเยซูได้ 
ฟิ้นคืนชีพ เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันสำคัญที่สุดของปฎิทินชาวคริสต์ เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นสุด
ของเทศกาลถือศีลอด วันอีสเตอร์สอดคล้องกับวันอาทิตย์แรกต่อจากวันพระจันทร์เต็มดวง
ในฤดูใบไม้ผลิ ชาวคริสต์ต้องหยุดงานเพือ่ไปสวดมิซซา ในวันนี้พระสันตปะปาจะประทานพรในฝรั่งเศสตามธรรมเนียมทำการมอบไข่ (ชอกโกแลต) หรือของประดับธรรมเนียมอิ่น ๆเกี่ยวกับอาหาร 
: ทานแกะ 

วันจันทร์อีสเตอร์ (Lundi de Pâque) ในยุคกลางตลอดสัปดาห์หลังเทศการอีสเตอร์เป็นสัปดาห์นักขัตฤกษ์ ในปัจจุบันเหลือลงเพียงวันจันทร์ และไม่ใช่งานฉลองที่เคยทำอย่างสม่ำเสมอ ในกรณีของฝรั่งเศสไม่มีการฉลองเป็นพิเศษ 

วันนำสาร (Annonciation) 25 มีนาคม ตามศาสนาคริสต์ เทวดากาเบรียล นำสารมาบอก
มารีถึงการตั้งครรภ์พระเยซู 9 เดือนก่อนวันคริสต์มาสถือได้ว่าเป็นวันจุติของพระเยซู 

วันรำลึกการถูกคุมตัว(Souvenir déportés) เป็นวันระลึกถึง 150000 ฝรั่งเศสที่ถูกนำตัวไป
เข้าค่ายกักกันของนาซี ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 วันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายนวันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายน 

วันแรงงาน ( Fête du travail) 1 พฤาภาคม เป็นธรรมเนียมของผู้ใช้แรงงานในการต่อสู้ที่มีอยู่ทั่วโลก ในประเทศส่วนใหญ่จัดเป็นวันหยุดประจำปี ประเทศฝรั่งเศสเริ่มต้นในปี 1919 และในปี 1947 เป็นวันหยุดเต็มวันโดยได้รับค่าแรงด้วย ในวันนี้สหภาพแรงงานต่าง ๆ จะเดินขบวนกันตามเมือง
ต่าง ๆ ของประเทศ และมีการมอบช่อดอกมูเก้ด้วย 

วันกลับคืนสู่สวรรค์ (Jeudi de l’Ascension) เป็นการฉลอง 39 วันหลังจากเทศกาลอีสเตอร์ 
หลังจากลงมาเผยแพร่คำสอน พระเยซุก็ได้เสด็จกลับขึ้นสวรรค์์ 

วันฉลองชัยชนะ (Victoire 1945) ชัยชนะทีมีต่อเยอรมันในยุคการครอบครองโดยทหารนาซี 
สันติภาพได้กลับคืนสู่ทวีปยุโรป โดยสัญญาสงบศึกที่ทำขึ้นในวันที 8 พฤษภาคม 1945 เวลา
ประมาณเที่ยงคืน โดยมีนายพลโซเวียต Jpukov ฝ่ายนาซี Keitel ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และนายพล de Lattre ของฝรั่งเศส เป็นวันนักขัตฤกษ์ตั้งแต่ปี 1953 แต่ได้ถูกยกเลิกไปในสมัย V.Giscard d’Estaing และได้กลับมากำหนดใหม่ในยุคของ F.Mitterrand 1 มิถุนายน 1981 

วันอาทิตย์ปงโตโค๊ต (Dimanche de Pentecôte) เป็นวันเทศกาลของชาวคริสต์ กำหนดขึ้น
7 อาทิตย์หลังเทศกาลอีสเตอร์ เพื่อรำลึกถึงวิญญาณศักด์สิทธิ์ที่ลงมาจาก... 

ทรินิเต้ (Trinité) วันเทศกาลของชาวคริสต์ อาทิตย์ที่ 8 หลังจากเทศกาลอีสเตอร์ ปัจจุบันไม่ค่อยมีการเฉลิมฉลองมากนัก ในศาสนาคริสต์ ทรินิเต้เป็นการกล่าวถึงพระเจ้าใน 3 บุคคล พระบิดา บุตร และพระจิต 

วันพระเจ้า (Fête Dieu) ฉลองในวันพฤหัสบดีถัดจากวันทรินิเต้ (หรืออาจวันอาทิตย์ขึ้นอยู่กับ
ทางปฎิบัติ) ฉลองถึงความเสียสละของพระคริสต์ โดยมีการแบ่งขนมปัง 

วันแม่ (Fête des mères)กำหนดเป็นทางการในปี 1928 กำหนดไว้ในวันอาทิตย์สุดท้ายของ
เดือนพฤษภาคม (หรือกรณีพิเศษเลื่อ่นไปในเดือนมิถุนายนหากชนกับปงโดโค๊ต) ในปัจจุบัน 
กลายเป็นการค้าและเป็นวันที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ 

วันพ่อ (Fête des pères) เช่นเดียวกับวันแม่ แต่มีกำหนดขึ้นเป็นทางการในปี 1952 

วันชาติ (Fête Nationale) รำลึกถึงวันแห่งการปฎิวัติของฝรั่งเศส 1789 โดยเฉพาะการทำลาย
คุกบาสตีล ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1978 คุกบาสตีลเป็นคุกสำคัญของปารีส และเป็นสัญลักษณ์
ของอำนาจกษัตริย์ ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1789 ชาวกรุงปารีสได้ทำการเผาและเข้ายึดคุก 
การเข้ายึดคุกบาสตีลนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศส 

วันอัสสัมซิยง (Assomption) 15 สิงหาคม วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกที่ทำการฉลองใน
การที่พระแม่มารีขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เป็นวันสำคัญกลางฤดูร้อนมีการ........ 

Croix glorieuse 14 กันยายน กำหนดโดยจักรพรรคดิ์กองสตองแตง ในปี ค.ศ. 335 ในปัจจุบันมีการฉลองในวันนี้ไม่มากนัก 

ตุสแซง (Toussaint) 1 พฤศจิกายน วันทางศาสนาของชาวคาทอลิก ในการเฉลิมฉลองให้กับทุกนักบุญโดยโบสถ์โรมัน ในวันนี้ได้กลายเป็นวันเยี่ยมหลุมฝังศพ เพือ่วางดอกไม้กับผู้เสียชีวิตไปแล้ว และดอกคริสซองแตม 

เดฟัน (Défunts) 2 พฤศจิกายน ในฝรั่งเศสรวมกันกับวันหยุดตุสแซง 

วันสิ้นสุดสงคราวโลกครั้งที่ 1 (Armistice 1918) 11 พฤศจิกายน 1918 รำลึกถึงการสิ้นสุด
สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีการเซ็นสัญญายุติสงครามมที่ Rethondes ป่า Compiège (Oise) 

Christ Roi วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกอาทิตย์สุดท้ายของปี 5 อาทิตย์ก่อนคริสต์มาส Avent ช่วงเวลาหลังจากคริสต์มาส ระหว่าง 3-4 สัปดาห์ 

คริสต์มาส (Noël) เป็นเทศกาลการเกิดของพระเยซูคริสต์ มีการกำหนดขึ้นในปี ค.ศ. 354 
โดยสันตปะปา Libère มีการประดับตกแต่งในวันที่ 24 ธันวาคมตอนเย็น ด้วยต้นสน คอกเด็ก 
ของขวัญ และทานอาหรระหว่างครอบครัว เทศกาลนี้ยังกลายเป็นสัญสักษณ์การทำค้าขาย 
อย่างมหาศาล 

วันครอบครัว (Saint famille) ต่อจากคริสต์มาส (อาทิตย์หรือศุกร์ถัดไปหากวันคริสต์มาส 
ตรงกับวันอาทิตย์)เป็นการสร้างครอบครัวโดยเยซูและมีบุพการีคือ มารีและโยเซพ 

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Antoine de Saint-Exupéry














มาเล่าประวัติ Antoine de Saint-Exupéry กันต่อละกันAntoine de Saint-Exupéryเกิดเมื่อวันที่ 29 June 1900 ที่เมืองLyonประเทศฝรั่งเศสเป็นลูกคนที่สามในครอบครัวพี่น้องทั้งหมด 5 คนMarie-Madeleine -เกิดในปี 1898 *-, Simone -เกิดในปี 1899*-,François - เกิดในปี 1902- and Gabrielle เกิดในปี 1904เป็นบุตรของCount Jean-Marie de SAINT-EXUPÉRYและ Marie BOYER de FONSCOLOMBE












............................................................................

หลังจากที่ Antoine สอบไม่ผ่านการศึกษาขั้นต้นเขาก็ได้ เข้าศึกษาที่ École des Beaux-Arts("School of FineArts") ในสาขาวิชา สถาปัตยกรรมในปี 1921 Antoine ได้เริ่ม งานกับทางกองทัพ ใน 2nd Regiment of Chasseursและถูกส่งตัวไปเรียนการเป็นนักบินที่เมืองStrasbourg[เมืองสตราสเบอร์ก-อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส]ในปีต่อมา Antoine ได้รับอนุญาติ เสนอให้ไปอยู่กับทางกองทัพอากาศแต่ครอบครัวของทางคู่หมั้นเขาได้คัดค้านเขาจึงได้ทำงานบริษัท ใน Parisแต่งานหมั้นของเขาก็ได้ยกเลิกไปและเขาก็ได้ทำงานอีก2-3งาน ในปีสองปี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จและต่อมาเขาก็ได้หมั้นอีกครั้งหนึ่งกับนักเขียนนิยายสาวชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่าLouise Leveque de Vilmorinในปี 1923.และในปี 1926 เขาได้กลับมาบินอีกครั้งAntoine เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเที่ยวบินของการส่งไปรษณีย์ระหว่างประเทศซึ่งในขณะนั้นอุปกรณ์การบินยังไม่ดีนักและนักบินก็บินด้วยสัญชาติญาณ















เขาทำงานให้กับAéropostale (ซึ่งเป็นบริษัทการบินของฝรั่งเศส)

และได้บินระหว่าง Toulouse (เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส)กับ Dakar (ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ Senegle)

ประวัติโดยรวม

แซงเตกซูเปรี เกิดที่เมืองลียอง เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ.

๒๔๔๓เป็นคนที่มีนิสัยชอบเล่นมาแต่เยาว์วัย อายุมากเขาก็ยังชอบ

เล่นอยู่ เขามักหวนระลึกถึเวลาอันสนุกสนานในวัยเด็ก ๆ

เสมอ โดยเฉพาะมารดาผู้อ่อนหวานซึ่งได้เลี้ยงดูอบรมเขามาโดย

ตลอด เพราะบิดาถึงแก่กรรมเมื่อเขาอายุได้เพียง ๔ ขวบ หลังจาก

นั้นเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง ในระยะแรกเขาไม่สู้

ชอบใจนัก ดังที่เคยเขียนในหนังสือเล่มหนึ่งว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่

ส่วนเวลาพักออกมาเล่นและเวลารับประทานอาหาร เสียงระฆังนั้น

ฟังดูมีชีสวิตชีวาและมีความหมายสำหรับเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลิกทำเป็นไม่สบายอีก เพราะเขารู้สึกเหมือน

ตนเองถูกลงโทษ ถูกทอดทิ้งไม่มีใครเหลียวแล ต้องกินยาขม นอน

อยู่บนเตียงชุ่มด้วยเหงื่อ วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนไม่มี

โมงยามเมื่อสอบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายได้แล้ว เขาตั้งใจเรียนต่อ

เตรียมทหารเรือที่โรงเรียนหลุยส์ในกรุงปารีส แต่สอบเข้าไม่ได้

เพราะไม่ยอมทำเรียงความเรื่อง “ความรู้สึกของทหารที่กลับจาก

สงคราม” เขาบอกว่าเขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกซึ่งเขาไม่เคย

ประสบนนั้ ได้ เขาจึงไปรับราชการทหารเป็นนักบินอยู่ที่เมืองสตาร์

บูร์คและฝึกหัดบินจนได้รับใบอนุญาตเป็นนักบินอาชีพ เริ่มทำงานที่

เมืองตูลูส เป็นนักบินประจำเส้นทางสาย ตูลูส-คาซาบลังกา และ

ต่อมาถูกส่งไปเป็น

หัวหน้าหน่วยประจำสถานีที่กางจูบีในแอฟริกา

ณ ที่นี้เอง แซงเตกซูเปรี ได้ตระหนักว่า อาณาจักรของมนุษย์เรานี้อยู่

ในใจของเราแต่ละคนนั่นเอง ทั้งนี้เนื่องจากเขามีชีวิตอยู่ในวงสังคมที่

จำกัด มีเพียงเพื่อนนักบินด้วยกันไม่กี่คน ซึ่งนาน ๆจะบินผ่านมาและ

มีผู้บังคับการป้อมที่มาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว นอกจากนั้นก็มีแต่

ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา งานของเขามีหน้าที่ส่งวิทยุติดต่อกับศูนย์

หน่วยงาน คอยให้อาณัติสัญญาณนักบิน จัดถุงพัสดุไปรษณีย ์ และ

หน้าที่ที่สำคัญทสี่ ุดคือคอยช่วยเหลือออกค้นหานักบินทปี่ ระสบ

อุบัติเหตุซึ่งมีเป็นประจำทุกเดือน เพราะสมัยนั้นเป็นสมัยเริ่มบุกเบิก

ทางด้านการบิน ซึ่งทั้งนี้เขาต้องเป็นทั้งช่างซ่อมเครื่องบินและแพทย์

ไปในขณะเดียวกันด้วย จากประสบการณ์เหล่านี้ เขาได้นำมาเขียน

เป็นนวนิยายเรื่องแรกของเขา คือ เรื่อง Courrier Sud พิมพ์ในปี

พ.ศ.๒๔๗๐หลังจากการไปฝึกฝนเพิ่มเติม เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็น

ผู้จัดการบริษัทขนส่งทางอากาศบริษัทหนึ่งที่กรุงบัวโนสไอเรสใน

อเมริกาใต้ ในปี พ.ศ.๒๔๗๓ เขาได้รับอิสริยาภรณ์ เลซียอง

ตอนเนอร์ ในฐานะนักบินพลเรือนที่ปฏิบัติได้ผลดีที่กางจูบี

ต่อมาเมื่อมีการเปิดสายการบินเพิ่มถึงอเมริกาใต้ ทำให้นักบินจำต้อง

เสี่ยงชีวิตปฏิบัติการในตอนกลางคืนด้วย เพื่อแข่งขันกับการขนส่ง

ทางเรือ เละเพื่อผลประโยชน์ต่อส่วนรวม นวนิยายเรื่องใหม่ของเขา

จึงได้ชื่อว่า “บินกลางคืน” (Vol de Nuit) เรื่องนี้ได้รับรางวัล Grix

Femina ประจำปีพ.ศ.๒๔๗๔ต่อมาเขาได้แต่งงานกับแม่หม้ายชาว

อเมริกาใต้ชื่อ Consuelo Suncin แล้วกลับมาเป็นนักบินขับเครื่องบิน

สะเทินน้ำสะเทินบกระหว่างเมือง มาร์แซย และอัลเช และประสบ

อุบัติเหตุครั้งหนึ่งเนื่องจากปีกเครื่องบินหัก เขาจึงหันไปสนใจการ

ถ่ายทภาพยนตร์โฆษณาให้แก่บริษัท AirFrance ต่อมาไปเป็นผู้สอื่

ข่าวหนังสือพิมพ์ Paris Soir ประจำกรุงมอสโก แล้วย้ายไปเป็นผู้สื่อ

ข่าวสงครามกลางเมืองสเปนที่กรุงมาดริดในปี พ.ศ.๒๔๗๘ เขา

ทดลองบินรวดเดียวจากปารีสถึงไซ่ง่อนเป็นระยะทางถึง ๑๒,๐๐๐

กม. เพื่อทำลายสถิติ แต่เครื่องบินขัดข้องต้องร่อนลงกลางทะเล

ทรายห่างจากกรุงไคโรประมาณ๒๐๐ กม. เขาต้องเดินฝ่าทะเล

ทรายอยู่ห้าวันจึงพบกับกองคาราวานเมื่อเขาทราบข่าวว่ามีการเปิด

เส้นทางบินไปสหรัฐอเมริกา แซงเตกซูเปรี ก็อดไม่ได้ที่จะเข้า

ร่วมบุกเบิกสายกานบินใหม่นี้ด้วย ครั้งหนึ่งเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ

ขณะร่อนลงที่กรุงนิวยอร์ก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องพักรักษา

ตัวอยู่นาน อันเป็นโอกาสให้เขาเขียนเรื่อง Terre desHommes ได้

สำเร็จในปี พ.ศ.๒๔๘๒ และได้รับรางวัล Grand Prix du Roman

จากราชบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส เรื่องนี้มีชื่อเสียงแพร่หลายมากใน

สหรัฐอเมริกา และได้รับเลือกเป็นหนังสือประจำเดือนมีชื่อในภาค

ภาษาอังกฤษว่า Wind, Sand and Starsเมื่อเกิดสงครามขึ้น แซง

เตกซูเปรี ถูกเกณฑ์ให้เป็นผู้สอนเทคนิคการบิน แต่เขาอยากออก

บินเองทั้ง ๆ ที่นายแพทย์ห้าม เขาได้วิ่งเต้นจนได้เข้าร่วมหน่วยบิน

ลาดตระเวนหมู่ ๒/๓๓ ซึ่งเขาได้เขียนประสบการณ์ระยะนี้ไว้ในเรื่อง

Gilote de Guerre เรื่องนี้พิมพ์ในสหรัฐฯ เพราะขณะนั้นฝรั่งเศส

ถูกยึดครอง แซงเตกซูเปรี ได้ช่วยทำงานในหน่วยต่อต้านที่สหรัฐฯ

ด้วย เขาได้พูดวิทยุเรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสสามัคคีกัน ทั้งยังได้

เขียนหนังสือปลุกใจชื่อ Lettre â un Otage ในเดือนเมษายน ปี

พ.ศ.๒๔๘๖ นั้นเอง Le Petit Prince ก็ได้ถูกตีพิมพ์ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง

ในสหรัฐฯเมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่จะเป็นนักบินก็น้อยลง แต่เขาก็

พยายามวิ่งเต้นจนได้ไปร่วมหน่วยลาดตระเวนหมู่ ๒/๓๓ อีก และใช้

เวลาว่างเขียนเรื่อง Citadelle ทั้งนี้เพราะเขาได้รับอนุญาตให้บิน

จำกัดเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็พยายามขอออกบินอยู่เสมอ ๆ จน

กระทั่งเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๘ เขาได้ออกบินลาด

ตระเวนเหนือดินแดนฝรั่งเศสแถบเมืองเกรอนอง เขาออกบินแต่เช้า

จนบ่ายก็ยังไม่กลับ ทุกคนตระหนักดีว่าในเวลานั้นน้ำมันต้องหมด

แล้ว จึงสรุปว่าเครื่องบินของเขาคงต้องประสบอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูก

เครื่องบินขับไล่ของเยอรมันยิงตกแซงเตกซูเปรี เสียชีวิตระหว่าง

ปฏิบัติงานต่อต้านเพื่ออิสรภาพของฝรั่งเศส เป็นการปฏิบัติ

หน้าที่ป้องกันประเทศ จึงสมควรได้รับยกย่องเป็นวีรบุรุษโดยแท้




ผลงานของอังตวน เดอ แซงเตกซูเปรี

1. COURRIER SUD ไปรษณีย์สายใต้ (1929)

2. VOL DE NUIT เที่ยวบินกลางคืน (1931)

3 .TERRE DES HOMMES แผ่นดินของเรา (1939)

4 .PILOTTE DE GUERRE นักบินประจัญบาน (1940)

5 .LETTRE A UN OTAGE จดหมายถึงตัวประกัน (1940)

6. LE PETIT PRINCE เจ้าชายน้อย (1943)

7. CITADELLE ป้อมปราการ (1944)

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ชื่อสกุลเงินตราของต่างประเทศ


คณะกรรมการบัญญัติศัพท์เศรษฐศาสตร์ ราชบัณฑิตยสถาน ได้พิจารณาชื่อสกุลเงินตราของประเทศต่าง ๆ ไว้ดังนี้
       ประเทศ
ชื่อสกุลเงินตราภาษาอังกฤษ
ชื่อสกุลเงินตราภาษาไทย
๑.   กัมพูชา
riel
เรียล
๒.   เกาหลีใต้
won
วอน
๓.   คูเวต
dinar
ดีนาร์คูเวต
๔.   เคนยา
shilling
ชิลลิงเคนยา
๕.   แคนาดา
dollar
ดอลลาร์แคนาดา
๖.   จีน
renminbi
หยวนเหรินหมินปี้
๗.   เช็ก
koruna
โครูนาเช็ก
๘.   ซาอุดีอาระเบีย
riyal
ริยัลซาอุดีอาระเบีย
๙.   ญี่ปุ่น
yen
เยน
๑๐.  เดนมาร์ก
krone
โครนเดนมาร์ก
๑๑.  ไต้หวัน
new Taiwan dollar
ดอลลาร์ไต้หวัน
๑๒.  นอร์เวย์
krone
โครนนอร์เวย์
๑๓.  นิวซีแลนด์
dollar
ดอลลาร์นิวซีแลนด์
๑๔.  เนเธอร์แลนด์
guilder
กิลเดอร์
๑๕.  บรูไน
dollar
ดอลลาร์บรูไน
๑๖.  บังกลาเทศ
taka
ตากา
๑๗.  เบลเยียม
franc
ฟรังก์เบลเยียม
๑๘.  ปากีสถาน
rupee
รูปีปากีสถาน
๑๙.  โปรตุเกส
escudo
เอสคูโดโปรตุเกส
๒๐.  ฝรั่งเศส
franc
ฟรังก์ฝรั่งเศส
๒๑.  ฟินแลนด์
markka
มาร์คฟินแลนด์
๒๒. ฟิลิปปินส์
peso
เปโซฟิลิปปินส์
๒๓. มาเลเซีย
ringgit
ริงกิต
๒๔. เม็กซิโก
new peso
เปโซเม็กซิโก
๒๕.  เมียนมาร์
kyat
จัต
๒๖.  เยอรมนี
mark
มาร์คเยอรมัน
๒๗.  รัสเซีย
ruble
รูเบิลรัสเซีย
๒๘.  ลาว
kip
กีบ
๒๙.  เวียดนาม
dong
ดอง
๓๐.  สเปน
peseta
เปเซตาสเปน
๓๑.  สวิตเซอร์แลนด์
franc
ฟรังก์สวิส
๓๒.  สวีเดน
krona
โครนา
๓๓.  สหรัฐอเมริกา
dollar
ดอลลาร์สหรัฐ
๓๔.  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
dirham
ดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
๓๕.  สหราชอาณาจักร
pound
ปอนด์สเตอร์ลิง
๓๖.  สิงคโปร์
dollar
ดอลลาร์สิงคโปร์
๓๗.  ออสเตรเลีย
dollar
ดอลลาร์ออสเตรเลีย
๓๘.  ออสเตรีย
schilling
ชิลลิงออสเตรีย
๓๙.  อิตาลี
lira
ลีร์อิตาลี
๔๐.  อินเดีย
rupee
รูปีอินเดีย
๔๑.  อินโดนีเซีย
rupiah
รูเปีย
๔๒.  แอฟริกาใต้
rand
แรนด์สหภาพแอฟริกาใต้
๔๓.  ไอร์แลนด์
pound
ปอนด์ไอร์แลนด์
๔๔.  ฮ่องกง
dollar
ดอลลาร์ฮ่องกง
                  อนึ่ง ในปัจจุบัน ประเทศในสหภาพยุโรป (European Union) ได้ใช้เงินสกุลยูโร (euro) เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแล้ว ก่อนนำไปใช้กรุณาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง