วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Antoine de Saint-Exupéry














มาเล่าประวัติ Antoine de Saint-Exupéry กันต่อละกันAntoine de Saint-Exupéryเกิดเมื่อวันที่ 29 June 1900 ที่เมืองLyonประเทศฝรั่งเศสเป็นลูกคนที่สามในครอบครัวพี่น้องทั้งหมด 5 คนMarie-Madeleine -เกิดในปี 1898 *-, Simone -เกิดในปี 1899*-,François - เกิดในปี 1902- and Gabrielle เกิดในปี 1904เป็นบุตรของCount Jean-Marie de SAINT-EXUPÉRYและ Marie BOYER de FONSCOLOMBE












............................................................................

หลังจากที่ Antoine สอบไม่ผ่านการศึกษาขั้นต้นเขาก็ได้ เข้าศึกษาที่ École des Beaux-Arts("School of FineArts") ในสาขาวิชา สถาปัตยกรรมในปี 1921 Antoine ได้เริ่ม งานกับทางกองทัพ ใน 2nd Regiment of Chasseursและถูกส่งตัวไปเรียนการเป็นนักบินที่เมืองStrasbourg[เมืองสตราสเบอร์ก-อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส]ในปีต่อมา Antoine ได้รับอนุญาติ เสนอให้ไปอยู่กับทางกองทัพอากาศแต่ครอบครัวของทางคู่หมั้นเขาได้คัดค้านเขาจึงได้ทำงานบริษัท ใน Parisแต่งานหมั้นของเขาก็ได้ยกเลิกไปและเขาก็ได้ทำงานอีก2-3งาน ในปีสองปี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จและต่อมาเขาก็ได้หมั้นอีกครั้งหนึ่งกับนักเขียนนิยายสาวชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่าLouise Leveque de Vilmorinในปี 1923.และในปี 1926 เขาได้กลับมาบินอีกครั้งAntoine เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเที่ยวบินของการส่งไปรษณีย์ระหว่างประเทศซึ่งในขณะนั้นอุปกรณ์การบินยังไม่ดีนักและนักบินก็บินด้วยสัญชาติญาณ















เขาทำงานให้กับAéropostale (ซึ่งเป็นบริษัทการบินของฝรั่งเศส)

และได้บินระหว่าง Toulouse (เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส)กับ Dakar (ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ Senegle)

ประวัติโดยรวม

แซงเตกซูเปรี เกิดที่เมืองลียอง เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ.

๒๔๔๓เป็นคนที่มีนิสัยชอบเล่นมาแต่เยาว์วัย อายุมากเขาก็ยังชอบ

เล่นอยู่ เขามักหวนระลึกถึเวลาอันสนุกสนานในวัยเด็ก ๆ

เสมอ โดยเฉพาะมารดาผู้อ่อนหวานซึ่งได้เลี้ยงดูอบรมเขามาโดย

ตลอด เพราะบิดาถึงแก่กรรมเมื่อเขาอายุได้เพียง ๔ ขวบ หลังจาก

นั้นเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง ในระยะแรกเขาไม่สู้

ชอบใจนัก ดังที่เคยเขียนในหนังสือเล่มหนึ่งว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่

ส่วนเวลาพักออกมาเล่นและเวลารับประทานอาหาร เสียงระฆังนั้น

ฟังดูมีชีสวิตชีวาและมีความหมายสำหรับเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลิกทำเป็นไม่สบายอีก เพราะเขารู้สึกเหมือน

ตนเองถูกลงโทษ ถูกทอดทิ้งไม่มีใครเหลียวแล ต้องกินยาขม นอน

อยู่บนเตียงชุ่มด้วยเหงื่อ วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนไม่มี

โมงยามเมื่อสอบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายได้แล้ว เขาตั้งใจเรียนต่อ

เตรียมทหารเรือที่โรงเรียนหลุยส์ในกรุงปารีส แต่สอบเข้าไม่ได้

เพราะไม่ยอมทำเรียงความเรื่อง “ความรู้สึกของทหารที่กลับจาก

สงคราม” เขาบอกว่าเขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกซึ่งเขาไม่เคย

ประสบนนั้ ได้ เขาจึงไปรับราชการทหารเป็นนักบินอยู่ที่เมืองสตาร์

บูร์คและฝึกหัดบินจนได้รับใบอนุญาตเป็นนักบินอาชีพ เริ่มทำงานที่

เมืองตูลูส เป็นนักบินประจำเส้นทางสาย ตูลูส-คาซาบลังกา และ

ต่อมาถูกส่งไปเป็น

หัวหน้าหน่วยประจำสถานีที่กางจูบีในแอฟริกา

ณ ที่นี้เอง แซงเตกซูเปรี ได้ตระหนักว่า อาณาจักรของมนุษย์เรานี้อยู่

ในใจของเราแต่ละคนนั่นเอง ทั้งนี้เนื่องจากเขามีชีวิตอยู่ในวงสังคมที่

จำกัด มีเพียงเพื่อนนักบินด้วยกันไม่กี่คน ซึ่งนาน ๆจะบินผ่านมาและ

มีผู้บังคับการป้อมที่มาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว นอกจากนั้นก็มีแต่

ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา งานของเขามีหน้าที่ส่งวิทยุติดต่อกับศูนย์

หน่วยงาน คอยให้อาณัติสัญญาณนักบิน จัดถุงพัสดุไปรษณีย ์ และ

หน้าที่ที่สำคัญทสี่ ุดคือคอยช่วยเหลือออกค้นหานักบินทปี่ ระสบ

อุบัติเหตุซึ่งมีเป็นประจำทุกเดือน เพราะสมัยนั้นเป็นสมัยเริ่มบุกเบิก

ทางด้านการบิน ซึ่งทั้งนี้เขาต้องเป็นทั้งช่างซ่อมเครื่องบินและแพทย์

ไปในขณะเดียวกันด้วย จากประสบการณ์เหล่านี้ เขาได้นำมาเขียน

เป็นนวนิยายเรื่องแรกของเขา คือ เรื่อง Courrier Sud พิมพ์ในปี

พ.ศ.๒๔๗๐หลังจากการไปฝึกฝนเพิ่มเติม เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็น

ผู้จัดการบริษัทขนส่งทางอากาศบริษัทหนึ่งที่กรุงบัวโนสไอเรสใน

อเมริกาใต้ ในปี พ.ศ.๒๔๗๓ เขาได้รับอิสริยาภรณ์ เลซียอง

ตอนเนอร์ ในฐานะนักบินพลเรือนที่ปฏิบัติได้ผลดีที่กางจูบี

ต่อมาเมื่อมีการเปิดสายการบินเพิ่มถึงอเมริกาใต้ ทำให้นักบินจำต้อง

เสี่ยงชีวิตปฏิบัติการในตอนกลางคืนด้วย เพื่อแข่งขันกับการขนส่ง

ทางเรือ เละเพื่อผลประโยชน์ต่อส่วนรวม นวนิยายเรื่องใหม่ของเขา

จึงได้ชื่อว่า “บินกลางคืน” (Vol de Nuit) เรื่องนี้ได้รับรางวัล Grix

Femina ประจำปีพ.ศ.๒๔๗๔ต่อมาเขาได้แต่งงานกับแม่หม้ายชาว

อเมริกาใต้ชื่อ Consuelo Suncin แล้วกลับมาเป็นนักบินขับเครื่องบิน

สะเทินน้ำสะเทินบกระหว่างเมือง มาร์แซย และอัลเช และประสบ

อุบัติเหตุครั้งหนึ่งเนื่องจากปีกเครื่องบินหัก เขาจึงหันไปสนใจการ

ถ่ายทภาพยนตร์โฆษณาให้แก่บริษัท AirFrance ต่อมาไปเป็นผู้สอื่

ข่าวหนังสือพิมพ์ Paris Soir ประจำกรุงมอสโก แล้วย้ายไปเป็นผู้สื่อ

ข่าวสงครามกลางเมืองสเปนที่กรุงมาดริดในปี พ.ศ.๒๔๗๘ เขา

ทดลองบินรวดเดียวจากปารีสถึงไซ่ง่อนเป็นระยะทางถึง ๑๒,๐๐๐

กม. เพื่อทำลายสถิติ แต่เครื่องบินขัดข้องต้องร่อนลงกลางทะเล

ทรายห่างจากกรุงไคโรประมาณ๒๐๐ กม. เขาต้องเดินฝ่าทะเล

ทรายอยู่ห้าวันจึงพบกับกองคาราวานเมื่อเขาทราบข่าวว่ามีการเปิด

เส้นทางบินไปสหรัฐอเมริกา แซงเตกซูเปรี ก็อดไม่ได้ที่จะเข้า

ร่วมบุกเบิกสายกานบินใหม่นี้ด้วย ครั้งหนึ่งเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ

ขณะร่อนลงที่กรุงนิวยอร์ก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องพักรักษา

ตัวอยู่นาน อันเป็นโอกาสให้เขาเขียนเรื่อง Terre desHommes ได้

สำเร็จในปี พ.ศ.๒๔๘๒ และได้รับรางวัล Grand Prix du Roman

จากราชบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส เรื่องนี้มีชื่อเสียงแพร่หลายมากใน

สหรัฐอเมริกา และได้รับเลือกเป็นหนังสือประจำเดือนมีชื่อในภาค

ภาษาอังกฤษว่า Wind, Sand and Starsเมื่อเกิดสงครามขึ้น แซง

เตกซูเปรี ถูกเกณฑ์ให้เป็นผู้สอนเทคนิคการบิน แต่เขาอยากออก

บินเองทั้ง ๆ ที่นายแพทย์ห้าม เขาได้วิ่งเต้นจนได้เข้าร่วมหน่วยบิน

ลาดตระเวนหมู่ ๒/๓๓ ซึ่งเขาได้เขียนประสบการณ์ระยะนี้ไว้ในเรื่อง

Gilote de Guerre เรื่องนี้พิมพ์ในสหรัฐฯ เพราะขณะนั้นฝรั่งเศส

ถูกยึดครอง แซงเตกซูเปรี ได้ช่วยทำงานในหน่วยต่อต้านที่สหรัฐฯ

ด้วย เขาได้พูดวิทยุเรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสสามัคคีกัน ทั้งยังได้

เขียนหนังสือปลุกใจชื่อ Lettre â un Otage ในเดือนเมษายน ปี

พ.ศ.๒๔๘๖ นั้นเอง Le Petit Prince ก็ได้ถูกตีพิมพ์ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง

ในสหรัฐฯเมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่จะเป็นนักบินก็น้อยลง แต่เขาก็

พยายามวิ่งเต้นจนได้ไปร่วมหน่วยลาดตระเวนหมู่ ๒/๓๓ อีก และใช้

เวลาว่างเขียนเรื่อง Citadelle ทั้งนี้เพราะเขาได้รับอนุญาตให้บิน

จำกัดเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็พยายามขอออกบินอยู่เสมอ ๆ จน

กระทั่งเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๘ เขาได้ออกบินลาด

ตระเวนเหนือดินแดนฝรั่งเศสแถบเมืองเกรอนอง เขาออกบินแต่เช้า

จนบ่ายก็ยังไม่กลับ ทุกคนตระหนักดีว่าในเวลานั้นน้ำมันต้องหมด

แล้ว จึงสรุปว่าเครื่องบินของเขาคงต้องประสบอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูก

เครื่องบินขับไล่ของเยอรมันยิงตกแซงเตกซูเปรี เสียชีวิตระหว่าง

ปฏิบัติงานต่อต้านเพื่ออิสรภาพของฝรั่งเศส เป็นการปฏิบัติ

หน้าที่ป้องกันประเทศ จึงสมควรได้รับยกย่องเป็นวีรบุรุษโดยแท้




ผลงานของอังตวน เดอ แซงเตกซูเปรี

1. COURRIER SUD ไปรษณีย์สายใต้ (1929)

2. VOL DE NUIT เที่ยวบินกลางคืน (1931)

3 .TERRE DES HOMMES แผ่นดินของเรา (1939)

4 .PILOTTE DE GUERRE นักบินประจัญบาน (1940)

5 .LETTRE A UN OTAGE จดหมายถึงตัวประกัน (1940)

6. LE PETIT PRINCE เจ้าชายน้อย (1943)

7. CITADELLE ป้อมปราการ (1944)

1 ความคิดเห็น:

  1. Merci มากๆนะคะ ขอเก็บบางส่วนของข้อมูลไปใช้หน่อยนะคะ แล้วจะให้เครดิทค่า

    ตอบลบ